GBS มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,745 -1,790 จุด จับตาเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ., ความไม่สงบระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 17, 2018 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนในกรอบที่สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยคาดว่า SET Index เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,745-1,790 จุด แม้จะได้ปัจจัยหนุนจากบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐประกาศงบไตรมาส 1/61 ฟื้นตัวรับนโยบายปฏิรูปภาษี และราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี แต่ตลาดยังจับตาการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปัญหาความไม่สงบของสหรัฐกับรัสเซียที่อาจนำพาไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ของ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้หลังจากวันหยุดยาวยังได้ปัจจัยหนุนจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลดีจากนโยบายปฏิรูปภาษีทำให้ค่าใช้จ่ายภาษีลดลง

อีกทั้งทางจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีในช่วงไตรมาส 1/61 ได้แก่ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.8% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 8.9% การลงทุนด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 10.4% และตลาดแรงงานจีนยังมีเสถียรภาพ ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ระดับราคาสูงสุดในรอบ 3 ปีหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน

ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลเชิงลบต่อการลงทุนในสัปดาห์นี้ คือ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กแสดงความเห็นว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป 3-4 ครั้งในปีนี้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 3% ในที่สุด กดดัน Fund Flow ไหลออก โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา Fund Flow ผันผวนหนัก ขายสุทธิ 9.9 พันล้านบาท และคาดผลการดำเนินงานของแบงก์ใหญ่ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชี IFRS9 ขณะที่ยอดสินเชื่อสุทธิโดยรวมยังหดตัวเมื่อเทียบกับปลายปี 60

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่องในขณะนี้ ได้แก่ การประกาศงบของกลุ่มแบงก์พาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1/61 ภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้ การเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค.และเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.พ. รวมทั้งเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเบื้องต้นเดือน เม.ย.ของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) การรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากเฟด ซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย. การแจ้งตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.ของสหรัฐ

รวมทั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประชุมพิจารณาปรับสูตรราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น-ค่าการตลาด ขณะที่สหภาพยุโรปและสหรัฐจะรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน เม.ย.

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ของ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนในกรอบที่สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า คาด SET เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,745-1,790 จุด แนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ PSL, TTA ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 8%WTD สู่ 1,025 จุด

หุ้น WORK, MONO, BEC ได้ประโยชน์จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมออกคำสั่งมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนหุ้น QH เป็นหุ้นมี yield สูงเฉลี่ยปีละ 6-7% ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 10 เท่าต่ำกว่า PER ที่ระดับ 17 เท่า แนะนำลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล รวมทั้งหุ้นปันผลเด่นอื่นๆ เช่น BAFS, CRD, FTE, GLOW, KKP, NYT, SIS, SPRC, TISCO, QH, PDI, PL, AIT, AP, KIAT

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำนั้น ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิด false breakout และย่อกลับลงมาเคลื่อนตัวในกรอบทางเทคนิครูปสามเหลี่ยมแบบ descending เนื่องจากสงครามระหว่างพันธมิตรนาโต้ของสหรัฐ กับฝ่ายรัสเซียที่ประจำการอยู่ในซีเรียไม่บานปลายออกไป ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อผลของสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางว่าจะกระทบต่ออุปทานน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม สงครามในซีเรียยังคงอยู่ ซึ่งหากฝ่ายรัฐบาลพยายามจะรุกเข้ายึดพื้นที่ส่วนที่เหลือคืนได้จากฝ่ายกบฏก็อาจเกิดการปะทะใหญ่อีกครั้งและจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดน้ำมันและทองคำ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันที่สำคัญของประเทศ

ดังนั้น จึงยังคงคำแนะนำให้เก็งกำไรในกรอบด้วยการรอจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงในช่วง 1,300–1,315 ดอลลาร์/ออนซ์ แล้วแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นไปในช่วง 1,345–1,355 ดอลลาร์/ออนซ์ และถือต่อถ้าราคาทะลุผ่าน 1,360 ดอลลาร์/ออนซ์ขึ้นไปได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ