ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,778.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.82 จุด (+0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 50,959.90 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,779.80 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,767.12 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 603 หลักทรัพย์ ลดลง 673 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 457 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า ภายหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯได้อ่อนตัวลงมาแถว 2.97% หลังจากที่ได้ขึ้นไปสูงสุดที่ 3.036% ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลไปได้บ้าง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการงวดไตรมาส 1/61 ด้วย
อย่างไรก็ดี ตลาดฯปรับตัวขึ้นมาแล้วแต่ยังไม่ผ่านแนว 1,800 จุด ก็ยังต้องระวังการถอยลงอีกรอบ และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็มักจะมี Sell on fact ด้วย ดังนั้ นช่วงนี้หากจะเทรดดิ้งก็ต้องมีจุด Stop loss กำกับไว้
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ทิศทางตลาดฯคงจะขึ้นกับ Bond Yield ถ้า Bond Yield ถอยลงต่อก็จะทำให้ตลาดฯบวกได้ แต่ถ้าพุ่งขึ้นอีกก็จะต้องระวังการแกว่งตัว
สัปดาห์หน้าให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พ.ค.นี้ ให้รอดูมุมมองเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร และรอดูจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยอย่างไร นอกจากนี้ก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่ม Real Sector ต่อไป และติดตามงบฯในตลาดต่างประเทศด้วย รวมไปถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และทิศทางราคาน้ำมัน
พร้อมให้แนวรับ 1,760-1,750 จุด แนวต้าน 1,780-1,790 ถัดไป 1,800 จุด และมีจุดฟิวเตอร์ที่ 1,770 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,920.30 ล้านบาท ปิดที่ 56.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,131.34 ล้านบาท ปิดที่ 71.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,808.84 ล้านบาท ปิดที่ 36.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
IRPC มูลค่าการซื้อขาย 1,723.23 ล้านบาท ปิดที่ 6.95 บาท ลดลง 0.10 บาท
KTC มูลค่าการซื้อขาย 1,613.35 ล้านบาท ปิดที่ 348.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.00 บาท