TLUXE มั่นใจผลการดำเนินงานปีนี้ Turnaround หลังรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 2, 2018 10:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บมจ.ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (TLUXE) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะกลับมา Turnaround ตามแผนที่บริษัทตั้งเป้าที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำ ธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) รายใหญ่ที่สุด ในเมืองเบปปุ จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในปีนี้ จำนวน 32 โครงการ ไม่นับรวมโครงการที่ COD พร้อมรับรู้รายได้แล้ว ในปี 2560 จำนวน 15 โครงการ

พร้อมกันนี้บริษัทเตรียม COD โรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2560 เพิ่มอีก 9 โครงการ ภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้ ส่งผลให้ภายในปี 2561 จะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน ความร้อนใต้พิภพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 56 โครงการ หรือกำลังการผลิตเทียบเท่ากับ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 56 เมกะวัตต์

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม บริษัทมีแผนเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 20 ยูนิต โดยจะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งไม่นับรวมโครงการที่เปิดดำเนินการ COD แล้ว จำนวน 7 ยูนิต ในปี 2560 ส่งผลให้บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งสิ้น 27 ยูนิต โดยมีอัตราขายไฟฟ้าอยู่ที่ 55 เยน/กิโลวัตต์-ชั่วโมง และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 ปี

"จากแผนการขยายการลงทุนของ TLUXE ในปีนี้ เชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัมจะกลับมา Turnaround ภายในปีนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า ในประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตและขายไฟฟ้าให้กับ Kyushu Electric ได้แล้ว ประกอบการบริษัทยังเร่งเดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ในอัตราขายไฟฟ้าสูงสุด 55 เยน/กิโลวัตต์ ถึง 20 ปี"นายสุวิทย์ กล่าว

อนึ่ง ปีที่แล้ว TLUXE มีผลขาดทุนสุทธิ 249.57 ล้านบาท

นายสุวิทย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุน Infrastructure Fund ในประเทศญี่ปุ่นว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแผนความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งกองทุน และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในประเทศญี่ปุ่นโดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ วๆ นี้ เนื่องด้วยรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าการตั้งกองทุน Infrastructure Fund จะทำให้บริษัทมีศักยภาพทางการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

"กองทุน Infrastructure Fund เราต้องศึกษาอย่างรอบคอบ รวมทั้งการเปิด COD ของโครงการโรงไฟฟ้าเดินหน้าได้ตามแผนมากขึ้น เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเมื่อออกกองทุน ซึ่งคาดว่าในเร็วๆ นี้ จะสามารถสรุปความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนได้ "นายสุวิทย์ กล่าว

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ส่วนด้านธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยงนั้น ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/2561 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกุ้ง จากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กุ้ง และ ปลาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ยอดขายทั้งปี จะเติบโตได้ประมาณ 33% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ระดับ 1,800 ล้านบาท มาแตะที่ระดับ 2,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการลงทุนในโครงการ Pet Center แบบครบวงจร เพื่อต่อยอดธุรกิจด้านอาหารสัตว์เลี้ยง โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเป็นรูปแบบ Franchise ตั้งแต่ขนาด เล็ก กลาง และใหญ่ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ต่อการลงทุนในลักษณะการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าอาหารสัตว์ หลังมองแนวโน้มการเติบโตในอนาคต คาดว่าโครงการจะเปิดได้ภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ