GBS มอง SET ผันผวนกรอบ 1,750-1,805 จุด จับตาประชุมเฟดคาดยังไม่ขึ้นดบ.-ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 2, 2018 10:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนในกรอบ 1,750-1,805 จุด หลังสัปดาห์นี้ยังต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีขึ้นในวันที่ 1-2 พ.ค.นี้ แต่คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิม พร้อมให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจากต่างประเทศที่จะทยอยออกมา รวมถึง fund flow ที่ยังไหลออกต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ต่ำลงในไตรมาส 1/2561 ที่ขยายตัว 2.3% แม้ดีกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์แต่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2560 ที่เติบโต 2.9% ทำให้คาดการณ์ว่าการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดในรอบเดือนพ.ค.นี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับ 1.50-1.75% หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

รวมถึง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI ) ประจำเดือนมี.ค. 2561 อยู่ที่ 128.80 ขยายตัว 2.62% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 และในช่วงไตรมาส 1/2561 ดัชนี MPI ขยายตัว 3.93% ขยายตัวดีกว่าในช่วงไตรมาส 1/2560 ขยายตัว 0.11% ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง และกำลังซื้อในประเทศที่ดีขึ้น ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมี.ค.2561 อยู่ที่ 76.06% สูงสุดในรอบ 60 เดือน นับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2556 และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)คงเป้า GDP ไทยปีนี้โต 4.2% ขานรับส่งออกและท่องเที่ยวเติบโตดี โดยได้ปรับประมาณการส่งออกของไทยในปีนี้เป็นเติบโต 8% จากเดิม 6.6% ชดเชยการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาครัฐ ในช่วงไตรมาส 1/2561 ชะลอตัว

ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มาจาก fund flow ไหลออกต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.02 หมื่นล้านบาท และปัจจัยการเมืองภายในประเทศมีความไม่แน่นอน พรรคการเมืองมีความเคลื่อนไหวในการเตรียมพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือจุดยืนในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และกำหนดเวลาเลือกตั้งที่ชัดเจน

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 1-2 พ.ค. กำหนดประชุมเฟด ,วันที่ 2 พ.ค. จีน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย. ส่วนอียูเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย. ตัวเลขประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 1/2561 และอัตราว่างงานเดือนมี.ค. สำหรับสหรัฐ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนเม.ย.สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

นอกจากนี้ ในวันที่ 2-3 พ.ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนเตรียมเดินทางเยือนเกาหลีเหนือ วันที่ 3 พ.ค. อียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เบื้องต้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค. รวมทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ดัชนีภาคบริการ และคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และภายในวันที่ 15 พ.ค. กำหนดวันสุดท้ายสำหรับบริษัทจดทะเบียนในการส่งงบการเงินงวด Q1/2561

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวน คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,750-1,805 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ MAJOR อานิสงส์จากรายได้หลักจากการจำหน่ายตั๋วหนัง ขนมขบเคี้ยว และค่าโฆษณามีแนวโน้มสดใสจากความดังของภาพยนตร์ที่เข้าฉายล่าสุดเรื่อง Avengers Infinity War และภาพยนตร์ที่เตรียมเข้าฉายใน Q2/61 ทั้ง Jurassic world:Fallen Deadpool2 และ Star war:Han solo ขณะที่กำไรย้อนหลัง 3 ปีค่อนข้างสม่ำเสมอที่ 1.1 พันล้านบาท Yield เฉลี่ย 4% และมี Net Debt/Equity ที่ต่ำเพียง 0.64 เท่า ปัจจุบันซื้อขายที่ PE Ratio เพียง 21 เท่า ต่ำกว่า PE เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 22 เท่า และต่ำกว่า PE อุตสาหกรรมที่ 500 เท่า

นอกจากนี้ยังแนะนำซื้อเก็งกำไร KTC และ BEAUTY ติดโผเข้าคำนวณดัชนี MSCI Global Standard รอบใหม่ที่จะประกาศรายชื่อ 14 พ.ค. มีผล 30 พ.ค. และ TVO อานิสงส์จากราคากากถั่วเหลืองขึ้นแรงติดต่อกัน 4 วันทำการ 7.5% ส่วนเม็ดถั่วเหลืองขึ้นเพียง 2.9% ส่งผลให้แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2561 น่าจะออกมาดีจากราคากากถั่วเหลืองทรงตัวสูงและค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นผลให้ค่าเฉลี่ยของส่วนต่างระหว่างราคากากถั่วเหลืองและเม็ดถั่วเหลือง (Crush Margin) ในงวดไตรมาส 1/2561 ทำ New High

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำนั้น ราคาทองคำปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเกิน 3% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยประเภทอื่นๆ พุ่งขึ้นด้วย สร้างแรงกดดันต่อตลาดต่างๆ ซึ่งรวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.3% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงหลังผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ประกาศปฏิญญาหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกันว่าจะทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ และตกลงที่จะยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ ด้วยการทำข้อตกลงสนธิสัญญาสันติภาพภายในปีนี้

ทั้งนี้ คาดราคาทองคำสัปดาห์นี้ปรับตัวลงมาจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันที่ 2 พ.ค. แต่ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% (คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.) ทำให้อาจมีแรงซื้อกลับในทองคำจากการที่ปรับตัวลงมามาก แนะนำให้ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,305-1,355 ดอลลาร์/ออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ