(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัวก่อนแกว่ง Sideway up รับแรงหนุนเก็งกำไรงบฯ ,จับตาข้อพิพาทการค้าสหรัฐฯ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 3, 2018 09:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่ง Sideway up แม้ในช่วงแรกภาพการลงทุนจะเป็นลักษณะการตั้งรับโดยไม่ไล่ราคาหุ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยลบจากต่างประเทศที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด และนักลงทุนยังกังวลต่อข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากที่มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจใช้มาตรการควบคุมบริษัทของจีนในการขายอุปกรณ์ด้านการสื่อสารในสหรัฐฯ และนักลงทุนยังรอติดตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในระยะต่อไปด้วย

ขณะที่ปัจจัยในประเทศนั้น อาจจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของบจ.ที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ รวมถึงยังมีเม็ดงินหมุนเวียนเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดกลาง อย่างกลุ่มพาณิชย์ ,ไฟฟ้า รวมถึงรอติดตามความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดลงมติร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน แม้ว่าภาพรวมยังถูกกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องก็ตาม

พร้อมให้แนวรับ 1,783 และ 1,776 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,797 และ 1,805 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,924.98 จุด ร่วงลง 174.07 จุด (-0.72%) , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,635.67 จุด ลดลง 19.13 จุด (-0.72%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,100.90 จุด ลดลง 29.81 จุด (-0.42%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 318.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 39.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 29.98 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.40 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 56.34 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 22.08 จุด

ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องในวันระลึกรัฐธรรมนูญ

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 พ.ค.61) 1,791.13 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด (+0.62%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,343.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พ.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 พ.ค.61) ปิดที่ระดับ 67.93 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1%
  • เงินบาทเปิด 31.70 ทรงตัวจากวานนี้หลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด, ตลาดรอตัวเลขศก.สหรัฐฯที่ประกาศสัปดาห์นี้
  • รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนให้ความสนใจโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 วงเงินลงทุนราว 1.2 แสนล้านบาทเป็นอย่างมาก ทั้งจากจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยกระทรวงจะเร่งเปิดประมูลภายในปีนี้เพื่อให้ทันกับแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
  • เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่โทเคนเจฟินคอยน์ 100 ล้านโทเคน เข้าซื้อขายในตลาดเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี) Coin Asset โดยเปิดการซื้อขายที่ราคา 6.45 บาท/โทเคน ร่วงลงต่ำกว่ากว่าที่มีการให้จองซื้อตอนเปิดให้ระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัล (ไอซีโอ) ที่ 6.60 บาท/โทเคน ตลอดทั้งวันราคาลงไปแตะต่ำสุดที่ 3 บาท/โทเคน และ ณ เวลา 17.00 น. ราคาอยู่ที่ 3.70 บาท/โทเคน ลดลง 44% จากราคาจองซื้อ
  • รมว.พลังงาน เผยว่าภาครัฐไม่ได้ห้ามให้ผู้ค้าแจ้งเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันขายปลีกล่วงหน้า แต่การปรับเปลี่ยนต้องทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภคเป็นหลัก ต้องไม่มีพฤติกรรมการประกาศราคาเพื่อจุดประสงค์ในการชี้นำตลาดแก่ผู้ค้ารายอื่นจนส่งผลให้ไม่เกิดการแข่งขัน เพราะหากไม่ชี้นำราคาขายปลีกอาจลดลงได้อีก เช่น เมื่อพิจารณาค่าการตลาดปัจจุบันดีเซลอยู่ที่ 2.05 บาท/ลิตร ค่าการตลาดที่ผู้ค้าควรได้รับอยู่ที่ 1.80 บาท/ลิตร ดังนั้นราคาขายปลีกดีเซลก็ควรจะปรับลด 20-25 สตางค์/ลิตร หากมีการแข่งขันแท้จริง เป็นต้น
  • สคร.เตรียมยื่นไฟลิ่งเสนอขายหน่วยกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ กทพ. ให้สำนักงานก.ล.ต.พิจารณา ก่อนจะเสนอขายในช่วง มิ.ย.-ก.ค. นี้
  • หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย.แตะ 80.9 สูงสุดรอบ 40 เดือน ชี้ความเคลื่อนไหวต่ำกว่า 100 สะท้อนผู้บริโภคมองเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว กังวลสถานการณ์การเมือง สงครามการค้าสหรัฐกับจีน ราคาพืชผลการเกษตรอยู่ระดับต่ำ ลุ้นไตรมาส 2 เศรษฐกิจฟื้นตัวชัด หนุนทั้งปีขยายตัว 4.6%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 115 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/61 ประมาณ 1.22 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 27%qoq ส่วนทั้งปีคาดกำไรเพิ่มขึ้นทำ New high จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากแผนเปิด 2 โครงการใหม่ คือ โครงการ mLLDPE เริ่มผลิต 1Q61 และโครงการ ME หน่วยที่ 2 เริ่มผลิต 4Q61 ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่สูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
  • EA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 47 บาท คาดกำไร Q1/61 +12% Q-Q, +3% Y-Y แตะ 1 พันล้านบาท เป็นครั้งแรก จากการรับรู้รายได้พลังงานลมเต็มไตรมาส และไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือน Q4/60 ส่วนกำไรทั้งปี 2561 คาด +28% Y-Y อยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท จากการ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 260MW ใน Q4/61 ด้านราคาหุ้น -31% YTD แย่กว่ากลุ่มที่ +1% YTD ขณะที่ ยอด Short Sales เฉลี่ยต่อวันใน เม.ย. 61 ลดลง 24% M-M และ NVDR พลิกกลับมาซื้อ 43 ล้านบาท หลังจากขายหนักถึง 406 ล้านบาท ใน มี.ค. 61
  • UNIQ (ไอร่า) เป้า 21 บาท โอกาสเข้าสะสม ราคาปัจจุบันถูก ซื้อขายบน PE เพียง 15 เท่า เทียบกับพื้นฐาน โดย Backlog สิ้นปี 60 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ UNIQ อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง H2/61 มีแผนเข้าร่วมประมูล เช่น (1) โครงการรถไฟทางคู่ Phase 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวม 300,000 ล้านบาท (2) รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มูลค่างานก่อสร้าง ประมาณ 80,000 ล้านบาท (3) ทางด่วนพระราม 3 มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท และ (4) โครงการท่อร้อยสายไฟลงดิน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องของ กฟน. จำนวน 5 สัญญา มูลค่ารวม ประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นต้น พร้อมคาดผลการดำเนินงาน 2H/61 ดีกว่า 1H/61

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ