PTTGC เพิ่มเป้ายอดขายปีนี้เป็นราว 5 แสนลบ.จากเดิม 4.8 แสนลบ.หลังราคาน้ำมันสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 10, 2018 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวดวงกมล เศรษฐธนัง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงินและบัญชี บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายปีนี้เป็น 5 แสนล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปีที่แล้วที่ทำยอดขายได้ 4.37 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้มีการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบในปีนี้เป็น 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิม 52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจัยสนับสนุนมาจากมาตรการควบคุมกำลังการผลิตร่วมกันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงคาดการณ์มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่จะมีต่ออิหร่าน

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 มีแนวโน้มอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/61 ที่มีกำไรสุทธิ 1.24 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทเดินเครื่องกำลังผลิตเต็มที่เช่นเดียวกับไตรมาสแรก ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ยืนอยู่ในระดับสูงกว่า 1,300 เหรียญสหรัฐ/ตัน ด้านส่วนต่าง (สเปรด) HDPE ,ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ตลอดจนค่าการกลั่น (GRM) ยังทรงตัวจากไตรมาส 1/61

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น คือราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูงราว 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในขณะนี้ จากเฉลี่ย 63.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาสแรก ทำให้คาดว่าบริษัทอาจจะมีกำไรจากสต็อก รวมถึงทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจากระดับ 31.4 บาท/ดอลลาร์ในไตรมาสแรกก็จะส่งผลบวกต่อบริษัทด้วย เนื่องจากบริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าภาระหนี้สินที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงทุก 1 บาท/ดอลลาร์จะกระทบต่อกำไรของบริษัทราว 500-1,000 ล้านบาท

"ผลประกอบการไตรมาส 2 base on กำลังการผลิตเต็มที่ ทุกอย่างน่าจะมาตามนัด...ก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะทำให้กำไรต่ำลง"นางสาวดวงกมล กล่าว

นางสาวดวงกมล กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปีนี้ยังวางเป้าหมายที่จะรักษาระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ที่ระดับ 13-14% ซึ่งเป็นระดับปกติ และคาดว่า GRM จะอยู่ในระดับที่มากกว่า 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จาก 6.15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 1/61 ขณะที่ GRM ในปีที่แล้วอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ส่วนราคา HDPE ในปีนี้คาดว่าจะทรงตัวระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว และคาดว่าสเปรดจะอยู่ที่มากกว่า 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากระดับ 750 เหรียญสหรัฐ/ตันในปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการใช้โพลีเอทิลีน (PE) ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นปีละ 6 ล้านตัน หรือราว 4% ขณะที่กำลังผลิตใหม่ที่เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มไม่มากนัก โดยปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาแล้ว และในปีหน้าคาดว่าจะมีกำลังผลิตใหม่เข้ามา 3 ล้านตัน แต่ก็มีแนวโน้มที่อาจจะเลื่อนบางส่วนออกไปเป็นปี 63 ขณะที่ในส่วนของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ก็ยังได้รับผลบวกจากความต้องการใช้ที่มีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในด้านต้นทุนทางการเงิน บริษัทวางแผนที่จะลดต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยในปีนี้ลงราว 0.3% จากปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 3.88% โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่กลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT) จัดตั้ง บริษัท ปตท. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด หรือ Treasury Center สำหรับการบริหารจัดการทางการเงินของบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งจากเดิมการกู้เงินจากต่างประเทศจะต้องเสียภาษีดอกเบี้ย 15% แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้การกู้ผ่าน Treasury Center ก็จะสามารถลดภาษีดังกล่าวของกลุ่ม ปตท.ได้ราว 200 ล้านบาท/ปี ซึ่งในส่วนของบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการโดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าน่าจะสรุปได้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้สกุลต่างประเทศราว 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวดวงกมล กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนในปีนี้ราว 3 หมื่นล้านบาทและในปีหน้าอีก 3 หมื่นล้านบาทเพื่อดำเนินโครงการต่อเนื่องในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ (ORP: Olefins Reconfiguration Project) เป็นการก่อสร้างโครงการโอเลฟินส์แห่งใหม่ มีกำลังการผลิตเอทิลีน 5 แสนตัน/ปี และโพรพิลีน 2.5 แสนตัน/ปี จะเริ่มผลิตภายในปี 63 มูลค่าลงทุนราว 3.6 หมื่นล้านบาท

โครงการผลิตสารโพรพิลีน ออกไซด์ (Propylene Oxide Project) และ โครงการผลิตสารโพลีออลส์ (Polyols Project) หรือโครงการ PO/Polyols เป็นโครงการในสายโพลียูริเทน โดยทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าลงทุนรวมกันประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 63

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ คาดว่าจะสรุปแผนได้อย่างเร็วภายในปลายปีนี้ หลังจากล่าสุดได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (HOA) กับบริษัทในเครือของบริษัท Daelim Industrial Co., Ltd. (DAELIM) ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้างและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ในเกาหลีใต้ เพื่อจะเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ

ส่วนโครงการการศึกษาตั้งโรงงานรีไซเคิลพลาสติก รองรับการจัดเก็บผลิตภัณฑ์พลาสติกให้นำกลับมาใช้ใหม่ คาดว่าจะมีความมีชัดเจนในปลายปีนี้เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ