JCKH คาดปี 61 เทิร์นอะราวด์ เล็งซื้อแบรนด์อาหารใหม่เพิ่ม พร้อมรีแบรนด์ดิ้ง-ปรับกลยุทธ์ หนุนรายได้โตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 16, 2018 12:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บมจ. เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) เดิมคือ บมจ. ฮอท พอท (HOTPOT) เปิดเผยว่า ในปีนี้ JCKH จะมีทีมบริหารงานใหม่ทั้งหมดนำโดย "นายโชติวิทย์ เตชะอุบล" ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานในวงการอาหารอยู่แล้ว จะปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เริ่มตั้งแต่การรีแบรนด์เพื่อโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้จะเติมร้านอาหารใหม่เข้ามาอีก 2-3 แบรนด์ โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ มีแผนจะเข้าซื้อกิจการร้านอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งอาหารจีน อาหารอิตาเลียนและแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น

"ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ "ซุปเปอร์ พอท"ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ 1 สาขา เป็นอาหารประเภท ชาบู ชาบูพรีเมี่ยม ปรากฎว่าได้รับความนิยมมากจึงมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 แห่งภายในปีนี้ และจากแผนทางธุรกิจที่จะเพิ่มร้านอาหารแบรนด์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารอิตาเลียน หรือ แฮมเบอร์เกอร์ ในอนาคตหากจะเปิดสาขาเพิ่มจะเลือกจากโลเคชั่นที่มีกำลังซื้อเป็นสำคัญ"

สำหรับแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 121.8 ล้านบาทเป็น 194.9 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 292.3 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 243.6 ล้านหุ้น อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคาหุ้นละ 1.30 บาท ที่เหลืออีก 48.7 ล้านหุ้น จัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง (PP) บริษัทฯ ได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย (XR) เพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อจองหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 และกำหนดวันจองซื้อเพื่อชำระค่าหุ้นในวันที่ 18-22 มิถุนายน 2561 ว่าในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่มีความพร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยทุกคน เพราะหาก JCKH เพิ่มทุนสำเร็จจะส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานทุนและฐานะการเงินแข็งแกร่ง สามารถที่จะรุกขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี

"หากมีการใช้สิทธิครบทั้งจำนวนคาดว่าจะได้รับจากการเพิ่มทุน RO ครั้งนี้ประมาณ 317 ล้านบาท จะทำให้มีส่วนของทุนเพิ่มขึ้นเป็น 318 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่เพียง 1 ล้านบาท DE Ratio ลดจาก 453 เท่า เหลือเพียง 1.6 เท่า และหากบริษัทฯ ได้รับเงินจากขายหุ้น PP อีก 63 ล้านบาท จะทำให้มีส่วนของทุนเพิ่มขึ้นเป็น 381 ล้านบาท และจะทำให้ DE Ratio ลงเหลือเพียง 1.3 เท่า ดังนั้นการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนและฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ และเทคโอเวอร์ร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต" นายอภิชัย กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเด่นชัด โดยมีผลขาดทุนสุทธิเพียง 32.26 ล้านบาท ลดลงถึง 32.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มียอดขาดทุนสุทธิมากถึง 47.8 ล้านบาท เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปิดสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรไป 39 แห่ง ควบคู่กับการบริหารต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 406.5 ล้านบาท และกำไรขั้นต้น 202.9 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจาก 48.2% ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 51.1% ดังนั้นจากตัวเลขงบการเงินของไตรมาสแรกของปีนี้ทำให้เห็นว่าบริษัทมีแนวโน้มการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น และหากบริษัทสามารถเพิ่มยอดขายจากการขยายแบรนด์ใหม่ หรือจากสาขาที่มีอยู่เดิม รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นไปตามแผน ทำให้มั่นใจว่าในปี 2561 ผลประกอบการของบริษัทจะเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน

HOTPOT ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ และมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "JCK HOSPITALITY PUBLIC COMPANY LIMITED" และ เปลี่ยนชื่อย่อ จาก HOTPOT เป็น JCKH


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ