GOLD เล็งเปิด 3 อาณาจักรแนวราบขนาดใหญ่มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นลบ.ใน Q2-Q3 พร้อมตั้งธงรุกตลาดบ้านแฝด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 22, 2018 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดโครงการแนวราบในรูปแบบอาณาจักรอีก 3 โครงการ ในช่วงปลายไตรมาส 2/61 และไตรมาส 3/61 มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยแต่ละอาณาจักรจะประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม แบรนด์ GRANDIO, GOLDEN NEO และ GOLDEN TOWN จำนวน 4-5 โครงการ/อาณาจักร

สำหรับอาณาจักรแรกในปีนี้ คือ GOLDEN EMPIRE ที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ที่ต้องการบ้านในเมือง ประกอบด้วย โครงการบ้าน 4 โครงการ บนพื้นที่ 170 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 6.1 พันล้านบาท โดยจะเปิดตัวในปีนี้ 3 โครงการในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.นี้ บนเนื้อที่รวม 135 ไร่ จำนวน 846 หลัง มูลค่ารวม 4.91 พันล้านบาท และอีก 1 โครงการซึ่งเป็นทาวน์โฮม มีแผนจะเปิดในช่วงต้นปี 62

ในปีนี้กลยุทธ์ของบริษัทจะหันมารุกการพัฒนาโครงการบ้านแฝดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นช่องว่างทางการตลาดอยู่ และเข้าไปในตลาดที่มีการแข่งขันน้อย ขณะที่ตลาดทาวน์โฮมเริ่มมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น หลังจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ลงมาเล่นในตลาดทาวน์โฮมราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น และมีปริมาณซัพพลายด์ทาวนโฮมเพิ่มขึ้นอีก 10-20% จากปีก่อน ส่วนตลาดบ้านแฝดยังมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรง ทำให้บริษัทเห็นโอกาสดังกล่าวในการดำเนินธุรกิจในปีนี้และปีหน้า

"จุดเด่นของทาวน์โฮมของโกลเด้นแลนด์เป็นในเรื่องของฟังก์ชั่นในบ้านที่เราเริ่มทำมาก่อนผู้เล่นเจ้าอื่น ซึ่งตอนนี้ก็เห็นหลายรายในตลาดนำรูปแบบของเราไปใช้กันเยอะแล้ว แต่ในด้านต้นทุนก็ยังสู้ของเราไม่ได้ ซึ่งคู่แข่งต้นทุนมากกว่าเรา 10-20% แต่ก็ยอมรับมาปีนี้ทาวน์โฮมแข่งขันรุนแรง เพราะผู้เล่นรายใหญ่ชะลอคอนโดและลงมาเล่นในทาวน์โฮมมากขึ้น แต่จะแรงมากขึ้นในปีหน้าชัดเจนมาก ซึ่งทำให้เราเปลี่ยนกลยุทธ์มารุกตลาดบ้านแฝดเพิ่มมากขึ้น แต่ทาวน์โฮมก็ยังคงดำเนินแผนตามปกติ"นายภวรัญชน์ กล่าว

ส่วนในแง่ของการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมายังคงทรงตัว จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโตอย่างชัดเจน และลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น ขณะที่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าในตลาดมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นมาเป็น 35-40% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับล่างที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูง โดยอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัท แบ่งเป็น โครงการทาวน์โฮม 30-35% โครงการบ้านแฝด 20-30% โครงการบ้านเดี่ยว 10-15%

ส่วนราคาขายมีการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่ดินที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ราคาขายบ้านต้องปรับเพิ่มขึ้น

บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการแนวราบใหม่รวม 34 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวม 3.8 หมื่นล้านบาท โดยเปิดขายในไตรมาส 1/61 ไปแล้ว 5 โครงการ ไตรมาส 2/61 จำนวน 3 โครงการ ไตรมาส 3/61 จำนวน 13 โครงการ และไตรมาส 4/61 จำนวน 13 โครงการ โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากทาวน์โฮม 1 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยว 4 พันล้านบาท และ บ้านแฝด 2 พันล้านบาท

พร้อมตั้งงบซื้อที่ดิน 1.2 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ซึ่งใช้ไปแล้ว 8.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 62

นายวิรัชต์ มั่นเจริญพร กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว GOLD กล่าวว่า บริษัทยังคงมีการผลักดันการเติบโตโครงการแนวราบไปพร้อมกับการเติบโตของโครงการทาวน์โฮมและโครงการบ้านแฝด ซึ่งบริษัทจะทยอยขยับการรุกตลาดในแต่ละประเภทอย่างค่อยเป๊นค่อยไป ซึ่งในช่วง 3-5 ปี บริษัทวางแผนที่จะเพิ่มรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวให้เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่รายได้ของบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 4 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของรายได้โครงการแนวราบ

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวจะเป็นการพัฒนาไปพร้อมๆกับโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด รวมถึงการนำโครงการของบมจ.กรุงเทพบ้าน และที่ดิน (KLAND) ที่บริษัทซื้อกิจการมาปรับปรุงและขาย ซึ่งมีอยู่จำนวน 8 โครงการ ปัจจุบันได้ทยอยขายอย่างต่อเนื่องโดยใช้ 2 แบรนด์หลัก คือ The Grand บ้านเดี่ยวราคา 7-10 ล้านบาท และ The Grand Luxury บ้านเดี่ยวราคา 25 ล้านบาทขึ้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ