SUPER ยันไม่มีการเพิ่มทุนตามข่าวลือ-กลุ่ม"จอมทรัพย์"ถือหุ้นใหญ่ราว 40% ,ยื่นไฟลิ่งกองทุน IFF ภายในมิ.ย.ก่อนเทรดปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 4, 2018 14:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ. ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดโต๊ะแถลงโต้ทุกข่าวลือที่ถล่มราคาหุ้นให้ดิ่งฟลอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยประเด็นที่บริษัทจะมีการเพิ่มทุนนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีโครงการโรงไฟฟ้าหลายโครงการถูกพัฒนาขึ้นพร้อม ๆ กัน แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาการเงินสะดุด เนื่องจากบริษัทยังมีเงินสดจากการดำเนินงานสูงถึง 5,200 ล้านบาท/ปี โดยบริษัทได้นำเงินจำนวน 3,300 ล้านบาท ชำระหนี้สถาบันทางการเงิน และส่วนที่เหลืออีกราว 1,900 ล้านบาท ในการขยายงานใหม่ ๆ

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำอันดับเครดิต เพื่อที่จะเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 36,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการออกหุ้นกู้ในปีนี้ไม่เกิน 50% ของมูลค่าทั้งหมด และจะเป็นการออกหุ้นกู้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทั้งหมด ซึ่งบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไว้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนกระแสข่าวลือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตนได้ขายหุ้น SUPER ออกมาจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้ราคาหุ้นลดต่ำลงมากนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยสัดส่วนการถือหุ้นของตนเองอยู่ที่ 9.2% และที่ผ่านมามีการทยอยซื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งล่าสุดอยู่ที่ 19.96% ขณะที่ครอบครัวยังได้ถือผ่าน บริษัท สุวินทวงศ์ โกลด์ แอสเซ็ท จำกัด ที่มีสัดส่วนถือหุ้นใน SUPER จำนวน 20.59% ทำให้ตนเองและครอบครัวมีสัดส่วนการถือหุ้นใน SUPER ที่ระดับเป็น 40.28%

"ผมทุ่มเทและตั้งใจทำงานอย่างมากเพื่อให้ SUPER เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งผลประกอบการที่ผ่านมาน่าจะเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกท่านอยู่แล้ว บริษัทมีกำไรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีโครงการใหม่ที่ให้รีเทิร์นดีเข้ามาเรื่อย ๆ ในอนาคตถัดไปจากนี้มีแต่สิ่งที่ดี ๆ รออยู่เบื้องหน้า ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ผมต้องทิ้งหุ้นและทำร้ายหุ้น SUPER แบบนี้"นายจอมทรัพย์ กล่าว

นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า SUPER เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง แผนการดำเนินธุรกิจยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้แล้ว (COD) 740.06 เมกะวัตต์ (MW) และตั้งเป้าหมายภายในปี 61 จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 854 เมกะวัตต์ โดยในเดือน มิ.ย.นี้ โครงการโรงไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงทดแทนจากสิ่งปฏิกูลที่ไม่เป็นของเสียอันตราย สัญญาขายไฟฟ้า (PPA) 9 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดสระแก้ว จะเริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์

นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าไปเซ็นสัญญาลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดกำลังการผลิตรวม 700 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 56,000 ล้านบาทในเวียดนาม โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ พร้อมกันนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมด้วย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

สำหรับแผนการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF ) มูลค่า 9,000 ล้านบาท เบื้องต้นมีแผนที่จะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. หลังจากเกณฑ์ต่างออกมาชัดเจน และเข้าซื้อขายภายในปีนี้ หลังจากทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้จัดทำการรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) เพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์สำหรับการลงทุนในโครงการที่มูลค่าต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา

ด้านนายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นของ SUPER กล่าวว่า ตามที่มีข่าวลือว่าตนได้ขายช็อตหุ้น SUPER เป็นจำนวนมากนั้นไม่เป็นความจริง โดยตนไม่ได้ทำการขายช็อตหุ้นอย่างที่มีกระแสข่าวลือออกมา เนื่องจากที่ผ่านมาได้ขายบิ๊กล็อตออกไปให้กับนายจอมทรัพย์ โลจายะ ไปจำนวน 10% ซึ่งไม่กระทบกับราคาตลาดและเป็นการซื้อขายกันก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ทั้งนี้ สาเหตุที่ขายหุ้น SUPER เนื่องจากนายจอมทรัพย์ มีความตั้งใจจะลงทุนในหุ้น SUPER เพิ่มขึ้นจึงเจรจาขอซื้อหุ้นจากตน และส่วนตัวของตนเองก็มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้มาในช่วงปีที่แล้วเพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) เป็นส่วนใหญ่ โดยคงเหลือเงินสดไม่มากนัก อย่างไรก็ตามตนได้ลงทุนใน SUPER-W4 ซึ่งสามารถนำมาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ในอนาคต นั่นเป็นเพราะยังมีความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานของ SUPER ว่าเป็นบริษัทที่ดี มีอนาคตที่สดใส จะให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นได้แน่นอน อีกทั้งอยู่ภายใต้การบริหารงานของทีมผู้บริหารที่มีธรรมาภิบาล

ขณะที่ปัจจุบันตนเองและครอบครัวถือหุ้นใน SUPER สัดส่วน 8-9% หลังจากวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมาลูกชายและลูกสาวได้เข้าซื้อหุ้นอีกราว 204 ล้านหุ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีเวลาอีก 1-2 ปีที่จะใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้น SUPER-W4 ซึ่งหากถึงเวลาดังกล่าวแล้วตนเองแปลงสภาพทั้งหมดก็จะทำให้ตนเองมีสัดส่วนการถือหุ้น SUPER อีก 4%

"ที่ผ่านมาหากใครตามผม ก็จะรู้ว่าการลงทุนของผมเป็นระยะยาวทั้งนั้น จะเห็นได้จากการลงทุนใน DEMCO ผมก็ลงทุนยาวนานมากว่า 10ปี และใน SUPER เองก็ลงทุนไปแล้ว 4-5 ปี ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะมีการขายออกไปให้คุณจอมทรัพย์แล้ว แต่ก็ยังเหลืออยู่บางส่วน และลูก ๆ ของผมก็ยังมีการเข้าไปซื้อเพิ่มเติมอีกในช่วงที่ผ่านมา โดยเราก็ยังคงเชื่อมั่นถึงทิศทางการเติบโตของบริษัท หากช่วงไหนถ้าผมมีเงินอีกผมก็ยังสนใจที่จะเข้าไปซื้ออีก"นายประเดช กล่าว

อนึ่ง SUPER แจ้งเพิ่มเติมถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 31 พ.ค.61 เมื่อเทียบกับวันที่ 15 มี.ค.61 พบว่า บริษัท สุวินทวงศ์ โกลด์ แอสเซ็ท จำกัด ถือหุ้นสัดส่วนเดิม 20.59% , นายจอมทรัพย์ โลจายะ ถือหุ้น 18.40% จากเดิม 7.91% ,นางสาวเจนจิรา กิตติอิสรานนท์ บุตรสาวของนายประเดช ถือหุ้น 3.08% จากเดิม 3.16% ,นายกำธร กิตติอิสรานนท์ บุตรชายนายประเดช ถือหุ้น 2.50% จากเดิม 2.32% ขณะที่นายประเดช ไม่มีสัดส่วนการถือหุ้น จากเดิมถืออยู่ 10.32% เป็นต้น

ขณะที่บริษัทระบุว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าว ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุมบริษัท และไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารจัดการ ตลอดจนนโยบายการดาเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด

ราคาหุ้น SUPER ปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 1.03 บาท ลดลง 0.01 บาท (-0.96%)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ