SATคาดผลงาน Q2/61 น่าจะดีกว่า Q2/60 ตามอุตฯยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง-ทยอยรับรู้ออเดอร์,มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 8, 2018 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐขจร ญาณภิรัต รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงิน บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 2/60 เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากในไตรมาส 1/61 ยอดผลิตรถยนต์ของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 4/60 มาอยู่ที่ 539,690 คัน และยอดผลิตรถแทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าวเพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาส 4/60 มาอยู่ที่ 17,994 คัน

ขณะที่บริษัทยังทยอยรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถกระบะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมประมาณ 700 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้จำนวน 300 ล้านบาท และอีก 400 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป อีกทั้งยังคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถกระบะเข้ามาเพิ่มเติมอีก มูลค่ารวม 300-400 ล้านบาท ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้ในปี 62

"ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตค่อนข้างดีมาก จะเห็นได้จากในไตรมาส 1/61 ที่มียอดผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน และน่าจะเติบโตได้ตามที่คาดการณ์ไว้ หรือมียอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 2.1 ล้านคันในปีนี้ โดยจะมาจากการขายในประเทศมากกว่าการผลิตเพื่อการส่งออก ขณะเดียวกันการผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตรในปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ประมาณ 75,000 คัน"

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน เป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโต และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนหลังจากการโอนธุรกิจของ บริษัท บางกอกสปริงอินดัสเตรียล จำกัด (BSK) ไปยังบริษัท MUBEA Somboon Automotive Co.,Ltd หรือ (MSA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 50% ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 ปรับตัวลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่ไม่รวมธุรกิจสปริง บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นไปตามการอุตสาหกรรมที่เติบโตและคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงคาดการ์ยอดขายปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงเพียง 5-6%

นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ไว้ที่ 100-200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร จากปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 65% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ 60% ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ยังคงมองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

นายณัฐขจร กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้บริษัทจะไปนำเสนอข้อมูลที่ประเทศสิงค์โปร ร่วมกับบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เพื่อเป็นการอัพเดทข้อมูลให้กับนักลงทุนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามปัจจุบันนักลงทุนสถาบันได้ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ