NWR เจรจาพันธมิตรศึกษาขยายธุรกิจใหม่ในปท.หวังกระจายความเสี่ยง พร้อมรุกประมูลงานในกัมพูชา-เมียนมา

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 11, 2018 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิสุทธิ์ สุวรรณวิทย์เวช รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยว่า บริษัทมองโอกาสการขยายธุรกิจประเภทใหม่ ๆ ที่อาจไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษากับพันธมิตรในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในอนาคต โดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ขณะนี้ แต่มั่นใจว่าบริษัทมีศักยภาพในการระดมทุนเพื่อทำธุรกิจใหม่

นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสขยายธุรกิจเพื่อเข้ารับงานก่อสร้างในต่างประเทศเพิ่มเติม อาทิ กัมพูชา และเมียนมา เบื้องต้นบริษัทติดตามเพื่อเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าและโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวมกว่าพันล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจน 2-3 โครงการภายในปีนี้ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศบางโครงการนับว่ามีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ค่อนข้างสูงกว่างานในประเทศ โดยบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิที่ระดับมากกว่า 6% ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทและเริ่มรับงานในต่างประเทศบ้างแล้ว ทำให้มีสัดส่วนงานจากต่างประเทศที่ระดับ 5%

"ต่างประเทศที่เราไปลงทุนค่อนข้างเสรีกว่า มีการแข่งขันสูง ซึ่งมีทั้งจีนและเกาหลี แต่เราได้เปรียบเพราะเราอยู่ใกล้กว่า ทำให้มีต้นทุนที่ถูกกว่า"นายวิสุทธิ์ กล่าว

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทคาดว่าจะกลับมามีกำไรสุทธิ หลังจากที่ขาดทุนสุทธิ 202.81 ล้านบาทในปีที่แล้ว เนื่องจากปีนี้จะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ในโครงการแม่เมาะ และการบันทึกรายการพิเศษคดีคลองด่านราว 278 ล้านบาท และการทยอยคืนหนี้จากลูกหนี้ค้างชำระอีก 50 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน คาดว่ารายได้ปี 61 จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 9.34 พันล้านบาท จากความล่าช้าของโครงการในช่วงครึ่งแรกของปี แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปีจะเห็นภาครัฐผลักดันโครงการต่างๆ ออกมามากขึ้น จากความชัดเจนของการเลือกตั้ง ทำให้คาดว่าจะมีงานก่อสร้างเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ราว 6-8% ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับต่ำกว่า 6%

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) ราว 1.3 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 40-50% ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างประมูลงานมูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐกว่า 80% และงานเอกชน 20% โดยคาดหวังว่าจะได้งาน 10-15% ขณะเดียวกันยังมองงานภาคเอกชนที่เป็นขนาดเล็กด้วยเพื่อที่จะสามารถเริ่มงานและรับรู้รายได้ภายในปีนี้

ส่วนธุรกิจอาหารนั้น บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 10 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากร้านอาหาร "By Bua Resturant" ที่เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว ประกอบกับธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูปเพื่อจัดจำหน่ายก็เริ่มวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ