PTL มั่นใจปริมาณขาย-ยอดขายปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่-รง.ตุรกีกลับมาเดินเครื่องเต็มที่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 13, 2018 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PTL) เปิดเผยว่าปริมาณขายและยอดขายปี 61/62 (เม.ย. 61-มี.ค. 62) จะดีกว่างวดปี 60/61 เล็กน้อย เนื่องจากปัจจุบันการใช้กำลังการผลิตแผ่นฟิล์มของบริษัทอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราการเติบโตอาจจะไม่ได้สูงเหมือนปีก่อน ขณะเดียวกันปีนี้คาดว่าโรงงานที่ตุรกีจะสามารถกลับมาเดินเครื่องการผลิตได้เต็มที่ส่งผลให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มราว 10%

ในส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฟิล์มเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ปัจจุบันบริษัทยังได้รับความสนใจจากลูกค้ารายใหม่เข้ามาติดต่อเพื่อส่งคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยบริษัทยังคงการปรับใช้กลยุทธ์เชิงรุกเจาะตลาดทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เพราะมองเห็นความต้องการจากผู้เล่นรายใหม่ที่เข้ามายังขยายตัวเพิ่มสูง เป็นต้น

พร้อมกันนี้บริษัทยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น ฟิล์มกันกระแทกคุณภาพสูง ฟิล์มเคลือบผิวแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์ ฟิล์มกันรอย และ base film สำหรับการเคลือบซิลิโคนคุณภาพสูง (อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์)

ประกอบกับบริษัทคาดว่าในปี 61/62 จะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงงานผลิตเครื่องเคลือบโลหะ ที่มีการเพิ่มศักยภาพการผลิตให้เป็นรูปแบบระบบสูญญากาศ ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 6 KTPA และคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิต สายการผลิตโดยการเป่าฟิล์ม ไลน์ที่ 2 ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 4.2 KTPA ในปีนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

พร้อมกันนี้บริษัทยังเตรียมพิจารณาการขยายกำลังการผลิตโรงงานผลิต ฟิล์ม PET ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เฟสที่ 1 เพิ่มเติม เพื่อรองรับการผลิต ฟิล์ม PET ในรูปแบบอื่นๆที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้นอีกด้วย คาดได้ข้อสรุปเร็วๆนี้

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมมองว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและเชื่อว่ายังคงมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่เฉลี่ยแล้วมีอัตราการเติบโตได้ประมาณ 6-7% ตลอดใน 25 ปีที่ผ่านมา และคาดการว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันในปี 61/62 บริษัทจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นในปี 61/62 และปี 62/63 (เม.ย.62-มี.ค.63) ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 20.93% และรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่า 9.19%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ