ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,709.86 จุด ลดลง 8.48 จุด (-0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 59,741.75 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,715.65 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,699.66 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 355 หลักทรัพย์ ลดลง 970 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 393 หลักทรัพย์
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกันทั่วหน้า ตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้งในปีนี้ ทำให้คนกังวลถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย และก็มีผลต่อ Fund Flow โดยตรงด้วย
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการหารือนอกรอบในวันนี้ระหว่างซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะเจรจาข้อตกลงในการผลิตน้ำมันระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซีย ซึ่งกรณีดังกล่าวก็จะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันด้วย รวมถึงให้ติดตามเรื่องที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะประกาศสินค้าที่จะเก็บภาษีจากจีน และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วยในประเด็นการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ว่าจะมีท่าทีอย่างไร ถ้ามีการส่งสัญญาณการปรับลดการทำ QE ก็จะทำให้เป็น Sentiment ลบต่อตลาดฯ
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.) นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้บ้าง แต่ทิศทางตลาดฯยังอ่อนแอ เพราะต้องจับตาผลประชุม ECB และรอดูสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐฯ ซึ่งก็ยังสร้างความกังวลให้นักลงทุนอยู่
พร้อมให้แนวรับ 1,695 จุด ส่วนแนวต้าน 1,715 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,207.89 ล้านบาท ปิดที่ 51.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCC มูลค่าการซื้อขาย 3,334.40 ล้านบาท ปิดที่ 434.00 บาท ลดลง 10.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,837.57 ล้านบาท ปิดที่ 83.75 บาท ลดลง 2.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,355.53 ล้านบาท ปิดที่ 200.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,017.51 ล้านบาท ปิดที่ 67.25 บาท ลดลง 0.25 บาท