บลจ.กสิกรไทย คงเป้าดัชนี SET ปลายปีนี้ 1,800-1,850 จุด มองปัจจัยพื้นฐานยังดี-สงครามการค้ากระทบจำกัด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 20, 2018 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ส่งผลกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลดลงรวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยดัชนี SET Index ปรับลดลงต่ำกว่า 1,700 จุด บวกกับแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเนื่องนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยและยังส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นรวม 4 ครั้งภายในปีนี้ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในแง่ของเม็ดเงินลงทุนที่ไหลออกจากกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ โดยในส่วนของตลาดหุ้นไทยซึ่งถือว่ามีราคาค่อนข้างแพงก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทย เห็นว่าตลาดมีความกังวลจากปัจจัยดังกล่าวแค่ระยะสั้น ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ยังเชื่อว่าหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยยังคงเป้าหมายดัชนีปลายปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,800-1,850 จุด บนปัจจัยพื้นฐานที่ระดับ P/E ปี 61 ประมาณ 16.3-16.8 เท่า

"สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าเป็นความกังวลของตลาดในระยะสั้น ซึ่งที่ผ่านมาปัจจัยเรื่องสงครามการค้ามีผลกระทบต่อไทยค่อนข้างจำกัด และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทย สาเหตุหลักน่าจะมาจากความกังวลของตลาดต่อแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาวและรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ค่อนข้างสูง อาจเป็นโอกาสทยอยสะสมการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ โดย มองแนวรับไว้อยู่ที่ 1,600-1,650 จุด ส่วนผู้ที่รับความผันผวนระยะสั้นไม่ได้ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน"นางสาวธิดาศิริ กล่าว

นางสาวธิดาศิริ กล่าวอีกว่า บลจ.กสิกรไทยขอนำเสนอทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนเฉพาะในหุ้นเพียงอย่างเดียว อาจเลือกลงทุนกับกองทุนที่มีนโยบายแบบผสมแทน ได้แก่ กองทุนเปิดเค แพลน 3 (K-PLAN 3) ที่มีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท (Multi-asset) ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ หุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และทองคำ โดยกองทุนจะลงทุนหุ้นสูงสุดไม่เกิน 55% และลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90%

ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับเพิ่มลดน้ำหนักการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง แต่ยังต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำถึงปานกลางอาจเลือกลงทุนกับกองทุนเปิด เค แพลน 2 (K-PLAN 2) ซึ่งจะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นรองลงมา โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นได้สูงสุดไม่เกิน 30% ที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ และสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 30% ของ NAV

ด้านผลการดำเนินที่ผ่านมาของกองทุน K-PLAN3 สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นติดอันดับ Top Quartile อย่างสม่ำเสมอ โดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 พ.ค 61 มีผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 6.68% ต่อปี และผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 4.99% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 6.78% ต่อปี และ 4.48% ต่อปี ตามลำดับ ส่วนกองทุน K-PLAN2 มีผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 3.99% ต่อปี และผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 3.15% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 4.25% ต่อปี และ 3.22% ต่อปี ตามลำดับ

นอกจากนี้กองทุน K-PLAN2 และ K-PLAN3 ยังเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูลจาก Morningstar® วันที่ 31 พ.ค.61)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ