บลจ.ทิสโก้ ชิงจังหวะตลาดร่วงรอฟื้นออกกองทริกเกอร์หุ้นไทยเป้า 5%ใน 5 เดือน เปิดขายวันนี้-26 มิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 21, 2018 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงครั้งนี้เป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุน และเพื่อเป็นการจับจังหวะการลงทุนให้กับลูกค้า จึงเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#2 (TEQT5M2) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ

ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนของกองทุน ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนแรก ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และเป้าหมายดังกล่าวเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 26 มิ.ย.2561 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#2 เน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดัชนีชี้วัดของกองทุนนี้ คือ ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

นายสาห์รัช กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค จากปัจจัยความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่หากกลับมาดูพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแล้วพบว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งเห็นได้จากตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/61 ออกมาดีกว่าตลาดคาด โดยเติบโตถึง 4.8%

ดังนั้น บลจ.ทิสโก้ จึงมองว่า GDP ทั้งปี 61 ของไทยจะเติบโตในระดับสูงกว่า 4% และตามปกติแล้วในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐจะเร่งลงทุน ซึ่งในปีนี้ยังมีการลงทุนจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มาเสริมอีกด้วย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองไทยจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3/61 ถึงไตรมาส 4/61 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงราคาของหุ้นไทยในช่วงนี้พบว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยอัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ของทั้งตลาดอยู่ในระดับต่ำกว่า 15 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2561 บลจ.ทิสโก้คาดว่าจะมีหลายบริษัทที่มีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด เพราะจะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง

"ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เหตุผลหลักมาจากกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลออก เพราะนักลงทุนกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากภาวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้งในปีนี้จากเดิมที่ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 3 ครั้งในปีนี้ หนุนให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

หลายประเทศในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจจะอยู่ในสภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และมีภาระหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับสูง แต่ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหานั้น แต่กลับมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้คาดว่าจะออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุน"นายสาห์รัช กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ