ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,634.44 จุด ลดลง 29.82 จุด (-1.79%) มูลค่าการซื้อขาย 61,649.17 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยในระหว่างเทรดภาคบ่ายดัชนีฯไหลลงไปกว่า 30 จุด ก่อนที่จะลดช่วงลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,664.97 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,629.26 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 282 หลักทรัพย์ ลดลง 1,154 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 271 หลักทรัพย์
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากความกังวลผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจยืดเยื้อ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เป็นขาขึ้น ดังนั้น ภาพความเสี่ยงที่เศรษฐกิจ Emerging Market ชะลอตัวชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ ยังวิตกทิศทางราคาน้ำมันที่จะมีการประชุมของกลุ่มโอเปคในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) ทำให้หุ้นไทยปรับตัวลงมาก เพราะน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่กลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก
"การปรับตัวลงของดัชนีฯในรอบนี้เป็นเรื่องของนักลงทุนต่างชาติลดพอร์ตใน Emerging Market ซึ่งก็ยังเห็นแรงขายของต่างชาติออกมาเรื่อย ๆ ขณะที่นักลงทุนก็ลด Position ตาม"นายถนอมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี แนะจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก่อนวันที่ 6 ก.ค.นี้ จะมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องลุ้นว่าจะมีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 2/61 หรือไม่ โดยขณะนี้ก็มองแนวรับหลักแถว 1,620-1,600 จุด
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงรีบาวด์สลับกับการปรับตัวลงไปก่อนจนกว่าจะมีสัญญาณบวกเข้ามา
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660-1,670 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,225.98 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 1.25 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,868.20 ล้านบาท ปิดที่ 408.00 บาท ลดลง 12.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,371.64 ล้านบาท ปิดที่ 80.25 บาท ลดลง 3.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,316.07 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,305.79 ล้านบาท ปิดที่ 20.00 บาท ลดลง 0.60 บาท