(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงตามภูมิภาค เหตุเงินทุนไหลออกจาก EM-กังวลสงครามการค้า, จับตาประชุมกลุ่มโอเปควันนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 22, 2018 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างก็อ่อนตัวลงกัน อันเนื่องมาจากกระแสเงินทุนไหลออกจาก Emerging Market และตลาดฯยังกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า โดยทางสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯโดยจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ส่วนทางอินเดียก็ได้มีการตอบโต้สหรัฐฯด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯเช่นกัน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงเล็กน้อยในช่วงกำลังรอดูการประชุมกลุ่มโอเปคที่จะมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งต่างจับตาดูว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่ มาก/น้อยแค่ไหน

พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,625 ถัดไป 1,610 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,640-1,645 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 มิ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,461.70 จุด ลดลง 196.10 จุด (-0.80%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,749.76 จุด ลดลง 17.56 จุด (-0.63%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,712.95 จุด ลดลง 68.56 จุด (-0.88%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 236.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 20.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 80.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 39.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 14.75 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 9.35 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 มิ.ย.61) 1,634.44 จุด ลดลง 29.82 จุด (-1.79%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,850.11 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 มิ.ย.61) ปิดที่ 65.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 65.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 มิ.ย.61) ที่ 4.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.90/96 แนวโน้มยังอ่อนค่า จากแรงซื้อดอลล์ มองกรอบวันนี้ 32.80-33.00
  • "แบงก์ชาติ" เตรียมออกประกาศ 2 ฉบับคุมแบงก์เพิ่มทั้งด้าน "ซีจี-บริหารความเสี่ยง" ย้ำเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากล รองรับการประเมินภาคการเงิน เผยเกณฑ์ซีจีต้องมีบอร์ดที่เชี่ยวชาญด้าน "ไอที" 1 คน พร้อมสั่งตรวจคุณสมบัติ "ซีอีโอ" ทุก 4 ปี ขณะด้านบริหารความเสี่ยง กำชับให้ดูแลทุกมิติ เน้นไซเบอร์ซีเคียวริตี้
  • "พาณิชย์" เผยส่งออกไทยเดือนพ.ค. มีมูลค่า 22,256.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.44% โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 ส่วนยอดรวม 5 เดือน เพิ่ม 11.55% ระบุสงครามการค้ายังไม่ส่งผลกระทบ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ นัดภาครัฐและเอกชนประเมินสถานการณ์ 26 มิ.ย.นี้ เล็งประเมินเป้าส่งออกใหม่ หลังได้ตัวเลข 6 เดือน คาดโตขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 8% แน่
  • ธปท.พร้อมผ่อนเกณฑ์ ห้ามแบงก์ยุ่งคริปโตเคอเรนซี่ ให้สอดคล้องกับประกาศการกำกับดูแลไอซีโอ ของก.ล.ต.ที่จะออกมาในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ด้านก.ล.ต.เผยภาคธุรกิจ สนใจออกไอซีโอหลายราย แต่ฝั่งนักลงทุนไม่แน่ใจว่ายังสนใจหรือไม่ หลังเจฟินคอยน์เปิดเทรดแล้วราคาร่วง
  • "พาณิชย์" ถกเอกชนกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ติวเข้มข้อมูลชี้แจงสหรัฐฯ หลังเปิดไต่สวนขึ้นภาษีนำเข้า ยันส่งออกไทยไม่กระทบอุตสาหกรรมภายใน ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม มีแต่ช่วยสนับสนุนการเติบโต คาดสหรัฐฯ สรุปผลการพิจารณา มี.ค.62 และส่งให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสิน เผยเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์ ที่เจอมาตรการก่อนหน้า ได้รับผลกระทบ แล้ว ยอดส่งออกลดลง แต่เหล็กและ อะลูมิเนียม ยังขอยกเว้นภาษีได้
  • ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยพื้นฐานแข็งแกร่ง เป็นกันชนรับเงินทุนไหลออก แนะจับตาสงครามการค้า หวั่นกระทบเศรษฐกิจทั่วโลก ยันเงินเฟ้อยังไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมาย ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ก.ล.ต.รับเทคโนโลยีส่งผลต่อวิถีการกำกับดูแล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • QH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 4.2 บาท มี Upside ที่ตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิในปีนี้ขึ้นหลัง GPM ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงให้ Dividend yield ประมาณ 6-8% ต่อปี
  • BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 29 บาท โมเมนตัมการเติบโตของรายได้ 2QTD ยังดีต่อเนื่องจากการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้นและตลาดต่างชาติที่กลับมา รวมถึงกลุ่มประกันที่เติบโตอย่างโดดเด่น โดย BDMS ได้จับมือกับพันธมิตรบริษัทประกันออกประกันสุขภาพที่ให้ใช้บริการในเครือ BDMS ซึ่งเป็นบวกต่อการเติบโตทั้งรายได้และ Margin พร้อมคาดกำไรปกติปีนี้ที่ 9,685 ลบ. +21% Y-Y ส่วนปีหน้าคาดโต 11% Y-Y อยู่ที่ 1.1 หมื่นลบ.
  • HMPRO (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 15.40 บาท แนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพซึ่งมาจากทั้ง SSSG เพิ่มขึ้นและการขยายสาขา รวมทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private brand คาดกำไร Q2/61 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY ด้านเทคนิคทดสอบบริเวณเส้น 200 วัน มีลุ้นการฟื้นตัว ต้าน 14.0/14.6 รับ 13.3 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ