PORT เซ็นสัญญาลูกค้าใหม่"สายเรือไทคัง"จากจีน คาดช่วยหนุนวอลุ่มเพิ่ม 15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 25, 2018 12:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญากับลูกค้าสายเรือรายใหม่ "สายเรือไทคัง" จากประเทศจีน โดยสายเรือไทคัง เริ่มเข้าเทียบท่าเรือสหไทยในปลายไตรมาส 2 คาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งคอนเทนเนอร์ของสายเรือไทคังประมาณ 2,000 teus/เดือน จึงคาดว่าวอลุ่มของสหไทยปีนี้จะเติบโตขึ้นกว่า 15% ผลักดันผลประกอบการปีนี้เติบโตแรงไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

การเซ็นสัญญากับสายเรือไทคังนับเป็นความสำเร็จล่าสุดในการขยายฐานลูกค้าของบริษัท หลังจากที่บริษัทย่อย (BBT) เพิ่งเซ็นสัญญากับสายเรือ OCEAN NETWORK EXPRESS หรือ ONE Line ซึ่งเป็นสายเรืออันดับ 1 ของญี่ปุ่น ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันนี้ท่าเรือสหไทย มีสายเดินเรือระดับโลกมากกว่า 10 ราย เข้ามาใช้บริการ เนื่องจากท่าเรือสหไทยมีมาตรฐานการให้บริการระดับสากล มีการลงทุนด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยีระดับโลก อีกทั้งยังมีเครื่อง Mobile x-ray จากกรมศุลกากร ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้อย่างมาก

นอกจากนี้บริษัทยังมีบริการที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เช่น บริการขนถ่ายตู้สินค้า บริการซ่อมบำรุงตู้สินค้า บริการขนส่งตู้สินค้าทางบกและทางน้ำ และบริการคลังสินค้า ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่าง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้ครบถ้วน ท่าเรือสหไทยจึงเป็นที่ยอมรับแก่สายเรือระดับโลกต่าง ๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"จากการส่งออกที่ดีขึ้นในช่วงนี้ เราเชื่อว่าปริมาณการให้บริการของ PORT ก็จะขยายตัวตามด้วยเช่นกัน ปัจจุบันสินค้าที่ผ่านท่าเรือสหไทยมีหลากหลายประเภท โดยสินค้าหลักจะเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร ตลอดจนถึงสินค้าอุตสาหกรรม อย่างเหล็ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีลูกค้าผู้นำเข้าที่มีปริมาณการนำเข้ามากโดยลูกค้ารายใหญ่คือผู้นำเข้ารถยนต์ Mercedes Benz ซึ่งมีวอลุ่มเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เราคาดว่าการขยายตัวโดยรวมของเศรษฐกิจ การส่งออกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นของไทยจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท"นางเสาวคุณ กล่าว

นางเสาวคุณ กล่าวว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของรัฐบาลจะเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทต่อไป บริษัทจึงเตรียมแผนการลงทุนในการขยายธุรกิจมีแผนจะลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาทในช่วงปี 61-62 เพื่อขยายโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงและจัดเก็บตู้สินค้า ( Container Depot ) ผ่านบริษัทฯ ย่อย BCDS ซึ่งได้เปิดให้บริการเฟสที่ 1 ไปตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/61 บริษัทมีรายได้รวม 375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 36 ล้านบาท เติบโต 135.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 22.63 ล้านบาทในไตรมาส 4/60 โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่ให้บริการเพิ่มขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ