โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้นบ มจ.น้ำมันพืชไทย (TVO) คาดผลประกอบการปี 61 เติบโตกว่าปีก่อน หลังได้รับประโยชน์ส่วนต่าง (สเปรด) ราคาเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับแนวโน้มราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นจากภาวะตลาดขาดดุล และสต็อกถั่วเหลืองโลกปรับตัวลดลงก็จะส่งผลดีต่อการปรับราคาขึ้นของกากถั่วเหลืองด้วย ขณะที่ผู้นำเข้ากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดปริมาณนำเข้าตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/61 เพราะต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลดีต่อ TVO ซึ่งเป็นผู้ผลิตกากถั่วเหลืองในประเทศด้วย
นอกจากนี้ TVO มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 500 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วัน เพื่อให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 6,500 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วันในช่วงครึ่งหลังของปี 62 ก็จะส่งผลให้มีปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ 2 กลุ่ม ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์น้ำมันถั่วเหลืองสำหรับปรุงอาหาร และผลิตภัณฑ์กากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นด้วย
ช่วงบ่ายราคาหุ้น TVO อยู่ที่ 28 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.90% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.15%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ ซื้อ 38.75
ทิสโก้ ซื้อ 38.00
บัวหลวง ซื้อ 37.50
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 38.00
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 33.50
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 39.00
นางสาวนารี อภิเศวตดานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมผลประกอบการของ TVO ในปี 61 จะออกมาดี จากส่วนต่างราคาขายระหว่างราคาเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามว่าจีนจะมีนโยบายที่มีผลกระทบต่อตลาดหรือไม่ช่วงที่เหลือของปีด้วย หลังจากช่วงนี้ตลาดมีความกังวลกรณีข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมราคาถั่วเหลือง เนื่องจากปัจจุบันจีนเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่
นอกจากนี้ TVO ยังมีเรื่องของการเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ภาพรวมปริมาณขายผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ประกอบกับหากปริมาณการเลี้ยงไก่เพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้ TVO ได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ผลิตกากถั่วเหลืองรายใหญ่ในไทย ซึ่งจะเติบโตตามอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์
ขณะเดียวกันหุ้น TVO นับเป็นหุ้นที่มีปันผลดีและสม่ำเสมอ ซึ่งมองว่าราคาปัจจุบันเหมาะสมกับการเข้าซื้อแล้ว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า การลงทุนในหุ้น TVO มีปัจจัยขับเคลื่อนจากผลประกอบการไตรมาส 2/61 และไตรมาส 3/61 เติบโตต่อเนื่องจากฐานต่ำในปีที่แล้ว จากความได้เปรียบเหนือผู้นำเข้ากากถั่วเหลือง ขณะที่ผู้นำเข้ากากถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดปริมาณนำเข้าตั้งช่วงปลายไตรมาส 2/61 เพราะต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นจากภัยแล้งในประเทศอาร์เจนตินา อีกทั้งปัจจุบันส่วนต่างราคาเมล็ดและกากถั่วเหลืองอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่เฉลี่ยราว 30 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ธุรกิจน้ำมันพืชคาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 3/61 จากการแข่งขันจากน้ำมันปาล์มที่ลดลง
สำหรับผลประกอบการของ TVO ในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 571 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเติบโต 2% จากไตรมาส 1/61 ตามอุปสงค์อาหารสัตว์ที่ยังแข็งแกร่งและส่วนต่างราคาเมล็ดถั่วเหลือง-กากถั่วเหลืองที่ยังอยู่ในระดับสูงช่วยชดเชยผลกระทบจากการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันพืชได้ และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ทรงตัวที่ระดับสูงที่ 14.8% สูงกว่าทั้งช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และไตรมาส 1/61
นอกจากนี้ TVO ยังอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตอีกราว 500 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วัน เป็น 6,500 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วัน โดยอาศัยการปรับปรุงพื้นที่เดิมในจังหวัดนครปฐม โดยใช้งบลงทุน 145 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 อีกทั้งอยู่ระหว่างการหาที่ดินเพื่อรองรับการก่อสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตด้วย
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า TVO มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 เท่ากับ 558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 112% จากงวดปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 25% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/61 อาจทรงถึงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากต้นทุนถั่วเหลืองที่สูงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ราคาขายกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองค่อนข้างทรงตัว
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรของ TVO จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากทั้งภาวะการเลี้ยงสัตว์ที่น่าจะกลับมาดีขึ้น เพราะคาดราคาเนื้อสัตว์จะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งคาดการแข่งขันจากกากถั่วเหลืองนำเข้าจะน้อยลงไปมาก ช่วยหนุนปริมาณขายกากถั่วเหลืองของ TVO เพราะส่วนใหญ่ผู้ประกอบการไทยนิยมซื้อกากถั่วเหลืองจากบราซิล ซึ่งมีการขายล่วงหน้าหมดแล้วจนถึงช่วงกลางปี อีกทั้งราคากากถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่แนวโน้มธุรกิจน้ำมันถั่วเหลืองในปีนี้น่าจะค่อนไปในทางทรงตัว เพราะราคาสินค้าทดแทนอย่างน้ำมันปาล์มปรับลดลง ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ไว้ที่ 2.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.2% จากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาถั่วเหลืองในปีหน้า จากภาวะถั่วเหลืองโลกน่าจะยังขาดดุลต่อเนื่อง และคาดสต็อกถั่วเหลืองโลกจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 86.7 ล้านตัน ลดลง 6% เมื่อเทียบปีต่อปี จากคาดการณ์ผลผลิตของสหรัฐฯลดลงอันเนื่องมาจาก yield ต่ำลง และเริ่มเห็นสภาวะอากาศในบราซิลแล้งมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพระยะสั้นคาดแนวโน้มราคาถั่วเหลืองอาจอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายหลังปริมาณผลผลิตของสหรัฐฯฤดูกาลปัจจุบันจะทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไป แต่การอ่อนตัวลงของราคาถั่วเหลืองก็น่าจะค่อนข้างจำกัด เพราะจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังคงไม่ชัดเจน แต่ก่อนหน้านั้น จีนประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯเป็น 25% ทำให้หันไปนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองของบราซิลจนมีการขายล่วงหน้าไปหมดแล้ว ขณะที่อาร์เจนติน่าเอง สามารถส่งออกกากถั่วเหลืองได้น้อยลง เพราะปัญหาภัยแล้งในประเทศทำให้ปริมาณผลผลิตลดลงถึง 32.5%