นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปียังคงแกว่งตัวและผันผวน เพราะตลาดยังคงต้องเผชิญกับแรงเทขายอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนชาวต่างชาติ จากความกังวลเรื่องการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯและจีน ที่ยังคงยืดเยื้อและไร้ข้อสรุป อีกทั้งการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดกระแสเงินไหลออกจากตลาดทุนกลุ่มประเทศเกิดใหม่รวมถึงไทยถึงเกือบ 3.15 แสนล้านบาทในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยแล้วจะเห็นว่าไม่ได้เปลี่ยนหรือถูกกระทบจนน่ากังวล ยังมีหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ ปัจจัยพื้นฐานดี ซึ่งไม่ได้ถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกมากนัก อย่างหุ้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มบริโภคในประเทศ ที่ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ปัจจุบัน SET Index อยู่ในระดับ 1,599.54 จุด (ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 28 มิ.ย.61) ถือเป็นจังหวะที่ดีให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นไทยในช่วงที่ราคาถูกลงกว่าต้นปี จะเห็นว่า P/E ตอนนี้อยู่ที่ 14.4 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หุ้นไทยถือว่าไม่แพง และคาดว่ายังมีโอกาสเห็นกำไรตลาดเติบโตได้ในปีนี้และปีหน้า
บลจ.ธนชาต มองว่าผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศต่อตลาดการเงินไทยนั้นจำกัด เมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน เนื่องจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันนับว่าแข็งแกร่ง อาทิ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 หนี้ต่างประเทศและอัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องยังสูง ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไว้ อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนในเรื่องของสัญญาณการเลือกตั้งที่เริ่มชัดเจนขึ้น และการเตรียมพร้อมในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจระดับรากฐาน และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคการผลิตให้มากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น การลงทุนหุ้นไทยในระยะต่อไป ยังพอคาดหวังผลตอบแทนได้ แต่หากไม่ต้องการรับความเสี่ยงและความผันผวนในระยะนี้ บลจ.ธนชาต ขอแนะนำ กองทุน T-LowBeta ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีค่า Beta ไม่เกิน 1 ทำให้โดยรวมกองทุนมีความผันผวนต่ำกว่าตลาดหุ้นไทยโดยรวม โดยผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุนในหุ้นที่กิจการมีการเติบโตที่มั่นคงและสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ และการได้มาซึ่งรายได้หลักของบริษัทไม่เหวี่ยงไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ อาทิ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ โรงไฟฟ้า น้ำประปา และการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น
ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.61 ที่ตลาดปรับตัวลดลง 7.34% กองทุน T-LowBeta ปรับลดลงเพียง 5.44% ซึ่งก็เป็นไปตามทฤษฎีของหุ้นประเภทนี้ และหากดูผลตอบแทนย้อนหลัง ก็พบว่ามีความน่าสนใจ ตั้งแต่ต้นปี, 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี, 3 ปี และ 5 ปี และตั้งแต่จัดกองทุนอยู่ที่ -8.71%, -7.31%, -8.25%, -1.82%, 4.22%, 6.24% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับดัชนีมาตรฐาน หรือ SET TRI อยู่ที่ -7.10%, -9.47%, -6.54%, 4.15%, 3.46%, 2.98%, 5.49% ตามลำดับ (ณ วันที่ 28 มิ.ย.61) และจ่าย Auto Redeem ทั้งสิ้น 10 ครั้ง รวม 7.95 บาทต่อหน่วย นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อวันที่ 29 มี.ค.55