APURE-W2 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.35 บาท มูลค่าซื้อขาย 11.23 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.40 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.57 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.32 บาท
ขณะที่หุ้น APURE ปิดที่ 1.33 บาท ลดลง 0.06 บาท (-4.32%) มูลค่าซื้อขาย 1.33 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 1.36 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 1.39 บาท และราคาลงต่ำสุด 1.33 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) ใช้ชื่อย่อว่า APURE-W2 ที่ 0.01 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 1.39 บาท และความผันผวนของหุ้นที่ 28.6% คิดเป็น All-in Premium ที่ +188% ด้านต้นทุนของ APURE-W2 อยู่ที่ 0.90 บาท (ราคาหุ้นก่อนขึ้นเครื่องหมายอยู่ที่ 1.81 บาท และราคาหลังขึ้นเครื่องหมายที่ 1.72 บาท)
โดยมองว่า APURE-W2 มีสถานะที่ Out of The Money มากขึ้น อีกทั้งราคาใช้สิทธิที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเป็นปัจจัยลบต่อการประเมินมูลค่าของใบสำคัญแสดงสิทธิ รวมถึงความผันผวนและสภาพคล่องในการซื้อขายของหุ้นแม่ที่ค่อนข้างต่ำ (มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันย้อนหลังในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.16 ล้านบาท) ทำให้มองว่า APURE-W2 เมื่อเทียบกับหุ้นแม่แล้ว APURE มีความน่าสนใจมากกว่า อีกทั้งการถือหุ้นแม่ยังมีสิทธิในการได้เงินปันผล และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
พร้อมให้กรอบมูลค่าของ APURE-W2 ที่ 0.006-0.008 บาท เมื่อราคาหุ้น APURE เคลื่อนไหวในกรอบ 1.34-1.44 บาท โดยมี Volatility 29% peryear
APURE เป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) โดยดำเนินธุรกิจผ่านทางบริษัทย่อย ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูป ประเภทข้าวโพดบรรจุกระป๋อง ผัก ผลไม้สด และเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด
APURE-W2 จำนวนที่ออก 95 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 4.00 บาทสำหรับปีแรกและเพิ่มขึ้นปีละ 0.50 บาท, อายุ 3 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของทุกไตรมาส มี.ค., มิ.ย., ก.ย. และ ธ.ค. (โดยใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 ก.ย. 2561 และครั้งสุดท้ายในวันหมดอายุวันที่ 4 มิ.ย. 2564)