(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามตปท. หลังเริ่มคลายกังวลสงครามการค้า-ราคาน้ำมันขึ้น-เล็งแรงซื้อกองทุนในปท.หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 10, 2018 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้าราว 0.5-1% ตามตลาดสหรัฐฯที่เมื่อคืนที่ผ่านมาบวกไปกว่า 300 จุด

เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังยังไม่มีมาตรการใหม่ด้านภาษีออกมา แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่มาจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจน

ส่วนบ้านเราราคาหุ้นได้ปรับตัวลงลึกแล้ว ก็มีโอกาสที่จะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ และราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวขึ้น ซึ่งคาดว่าแรงซื้อจากองทุนในประเทศจะช่วยหนุนตลาดฯเป็นหลัก แม้ว่าแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติจะยังมีอยู่ต่อเนื่อง พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์

ทั้งนี้ให้แนวรับ 1,617 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,776.59 จุด พุ่งขึ้น 320.11 จุด (+1.31%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,784.17 จุด เพิ่มขึ้น 24.35 จุด (+0.88%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,756.20 จุด เพิ่มขึ้น 67.81 จุด (+0.88%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 163.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.60 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 212.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 21.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 31.63 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ค.61) 1,622.96 จุด เพิ่มขึ้น 8.20 จุด (+0.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,561.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ก.ค.61) ปิดที่ 73.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 5 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.ค.61) ที่ 5.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.06 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค หลังนลท.คลายความกังวลปัญหาสงครามการค้า
  • ร.ฟ.ท.เผยวันสุดท้ายมีเอกชนมาซื้อซองรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท อีก 8 ราย รวมมีทั้งหมด 31 ราย ทั้งไทยและต่างประเทศ เผยเป็นบริษัทไทย 16 ราย ตามมาด้วยจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส มาเลเซีย และอิตาลี เตรียมเปิดชี้แจง 2 ครั้ง ก่อนพาดูพื้นที่ก่อสร้างปลายเดือนนี้ จากนั้นเปิดให้ยื่นข้อเสนอ 12 พ.ย.
  • เอกชนและกระทรวงพลังงานเร่งรัด "กกพ." คลอดระเบียบหนุนโซลาร์รูฟเสรีภายในสิ้นปีนี้หวังรองรับโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟใช้เองในครัวเรือน และการซื้อขายระหว่างเอกชนกับเอกชน (Private PPA) จับตาเอกชนผุดบริษัทรับติดตั้งโซลาร์เพียบดันผลิตไฟใช้เองพุ่งต่อเนื่องรัฐเตรียมรับมือ
  • EIC SCB เพิ่มเป้าจีดีพีปีนี้โต 4.3% จาก 4% จากภาคส่งออก-ท่องเที่ยว ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐ-รายได้ครัวเรือนเริ่มกระเตื้องขึ้น แม้ครึ่งปีหลังจะมีความเสี่ยงเพิ่มจากสงครามการค้า แต่ยังมีผลจำกัดในระยะสั้นจับตาแนวโน้มระยะยาว แนะหาตลาดรองรับ
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยถึงแผนตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 62 ว่าได้สั่งให้ ททท. ปรับเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% เป็น 12% เพราะตลาดต่างประเทศเติบโตกว่า 12% ได้ต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา จึงอยากให้รักษาระดับการเติบโตไว้ แต่สำหรับตลาดในประเทศ ยังให้คงเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เท่ากับที่เสนอไป และยังคงสัดส่วนไว้ 1 ใน 3 ของ รายได้ทั้งหมดเพื่อกระจายความเสี่ยง ดังนั้น หลังจากการปรับเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว จะทำให้รายได้ภาพรวมของไทยในปี 62 เติบโตประมาณ 11%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • B-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. บี จิสติกส์ (B) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 96,849,561 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (2 กรกฎาคม 2561) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 28 ธ.ค. 2561 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 1 ก.ค. 2564
  • KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท เป็นแบงก์ที่รายงานการเติบโตของสินเชื่อ 5M61 ดีสุดในกลุ่ม เพิ่มขึ้นถึง 10% YTD จากการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยคาดกำไรสุทธิ Q2/61 ที่ 1,481 ล้านบาท -2% Q-Q แต่ +25% Y-Y จากการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯที่คาดลดลง พร้อมคาดปันผลงวด H1/61 ที่ 2 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 3% ทั้งนี้ KKP ถือเป็น 1 ใน 15 หุ้นพื้นดี ที่มองว่าน่าซื้อลงทุน เพราะราคาหุ้นลงตามภาวะตลาดมากเกินไป จนทำให้ PE2561 แตะจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 9.6 เท่า และผลตอบแทนจากปันผลทั้งปีสูงถึง 9%
  • IVL (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 75 บาท คาดกำไรปกติ Q2/61 ไว้ที่ 7.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%QoQ จากยอดขายและ Core EBITDA Margin ที่เป็น All Time High ผลประกอบการที่ประเมินไว้ไม่รวมกำไรพิเศษจาก Stock Gain กำไรอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรจากการต่อรองราคาซื้อกิจการ โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติ Q3/61 จากยอดขายและ Margin ที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง IVL เป็นหนึ่งในบริษัทที่ราคาหุ้นปรับลง แต่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
  • KTB (ไอร่า) "โอกาสในการสะสม" เป้า 21.90 บาท แม้คาดสินเชื่อจะเติบโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่ภายใต้นโยบายของ KTB ที่ต้องการปรับลดสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น โดยคาดจากสำรองหนี้ 32,000 ล้านบาท ลดลงจาก 44,000 ล้านบาท เมื่อปี 60 (รวมสำรองหนี้ EARTH จำนวน 12,000 ล้านบาท) ขณะที่ KTB ตั้งเป้าหมายสำรองหนี้ในปี 61 ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ +39% อยู่ที่ประมาณ 31,100 ล้านบาท พร้อมคาดเงินปันผล 0.89 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ราว 5.12% และคาดผลประกอบการยังมี Upside หากการประมูลขายที่ดิน AQ สำเร็จ คาด KTB มีกำไรพิเศษ 8,500 ล้านบาท (EPS ประมาณ 0.60 บาท) คาดเพิ่ม Target Price อีก 0.40 บาท อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ