GBS คาดหุ้นไทยรับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง-ภาพรวมศก.ดีกว่าคาด ให้กรอบ 1,600-1,650 จุด,ทองคำราคาฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 10, 2018 10:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวที่ระดับสูงหลังสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่งส่งให้มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน ประกอบกับตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับดีขึ้น ทำให้คาดว่าจะตามมาด้วยการจับจ่ายใช้สอยในการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นในอีก 1-2 เดือนถัดไป และภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าคาดการณ์เมื่อตอนต้นปีจากการส่งออกและภาคท่องเที่ยวขยายตัวดี ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน

ส่วนปัจจัยกดดันการลงทุนยังคงเป็นปัญหาสงครามการค้าโลกยังยืดเยื้อ และขยายวงกว้างจากหลายประเทศออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตอบโต้สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ใกล้จะประกาศงบการเงินงวดครึ่งปีซึ่งคาดว่ากำไรงวดไตรมาส 2/2561 มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมโอนเงินผ่านโมบายแอพและอินเทอร์เน็ตออนไลน์ อีกทั้ง Fund Flow ยังผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 1 หมื่นล้านบาท และยังคงต้องจับตาการประกาศผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มธนาคารระหว่าง 11-20 ก.ค.และในวันที่ 12 ก.ค.นี้จะมีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเลือกกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ รวมทั้งสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวน โดยคาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,600-1,650 จุด จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ราคามีความผันผวนต่ำ ราคาปรับลงไม่มากยามภาวะตลาดชะลอตัว แต่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง และหุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี เช่น CPALL, ROBINS, HMPRO และ BEM รวมทั้งหุ้นส่งออกได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น KCE, CPF และ GFPT และการที่ราคากากถั่วเหลืองล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อ TVO

ส่วนแนวทางการลงทุนในทองคำนั้น มองว่าแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงจากการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐส่งสัญญาณขยายตัวช้าลง และมีความกังวลเรื่องสงครามการค้าโลกที่ขยายวงกว้างจะกลับมาสร้างผลกระทบทางลบมูลค่ามหาศาลให้กับสหรัฐในอนาคต ส่งผลให้ค่าเงินสกุลหลักอื่น ๆ ปรับตัวแข็งค่า รวมทั้งค่าเงินบาท ในขณะที่เงินทุนระยะสั้นไหลกลับเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าเข้าหาทองคำ ทำให้ราคาทองคำทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศยังคงแกว่งอยู่ในกรอบ sideway

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ดีดกลับขึ้นมา มีโอกาสจะเป็นปัจจัยบวกหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นต่อในขารีบาวด์ได้ โดยมีสัญญาณ follow buy เมื่อทะลุ 1,260 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็งกำไรรอบสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นในทองคำ ดังนั้นแนะนำนักลงทุนเล่น follow buy เมื่อทะลุ 1,260 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเน้นปิดทำกำไรเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน ส่วนพอร์ตเล่นรอบควรรอดูสถานการณ์เพื่อพิจารณาเปิดสถานะใหม่อีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ