ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,636.63 จุด ลดลง 6.97 จุด (-0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 44,493.49 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,641.34 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,628.03 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 483 หลักทรัพย์ ลดลง 642 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 482 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียต่างปรับลงถ้วนหน้า และตลาดยุโรปติดลบราว 1% เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สลงไปกว่า 200 จุด เป็นการผลจากสงครามการค้า หลังผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร ซึ่งยังไม่ได้สิ้นสุดและคงจะต้องรอดูความคืบหน้าต่อไป แต่เบื้องต้นส่งผลกระทบต่อเงินหยวน และเงินบาทอ่อนค่าทำให้กระแสเงินทุนไหลออก
สำหรับตลาดบ้านเรา ช่วงเช้าดัชนีย่อตัวลงมากตามตลาดภูมิภาค แต่ต่อมาก็พยายามดีดตัวขึ้นมา ทำให้สามารถลดช่วงลบลงไปได้ ทำให้แข็งแกร่งกว่าตลาดภูมิภาค เชื่อว่าตลาดฯคงจะได้แรงพยุงจากการเข้าซื้อของกองทุน โดยวานนี้กองทุนก็ซื้อสุทธิกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่อง
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯมีลุ้นรีบาวด์ทางเทคนิค โดยมีแนวรับ 1,628 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด พร้อมแนะติดตามความคืบหน้าสงครามการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะท่าทีของทางการจีนว่าจะมีการตอบโต้อย่างไร และติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,573.69 ล้านบาท ปิดที่ 48.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,887.17 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,851.09 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,710.23 ล้านบาท ปิดที่ 64.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,709.15 ล้านบาท ปิดที่ 7.50 บาท ลดลง 0.10 บาท