TEAMG เข้า SET สร้างเครดิตรุกหนักขยายตปท.พร้อมเตรียมอุปกรณ์-เทคโนโลยีลุยงานที่ปรึกษาฯเมกะโปรเจ็คต์ภาครัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 11, 2018 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) รอฤกษ์เข้าเทรดวันแรก 12 ก.ค.หวังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ช่วยหนุนโอกาสการเข้าจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายการรับงานในต่างประเทศทั้งในภูมิภาคอาเซียนให้ครอบคลุมครบทุกประเทศ รวมถึงนอกอาเซียน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มเข้าไปรับงานในตะวันออกกลางบ้างแล้ว

พร้อมกันนั้น บริษัทจะใช้เงินที่ได้รับจากการระดมทุนเพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านไอที เพื่อรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการภายใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 2 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปีนี้ รวมไปงานโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐกำลังเร่งรัดดำเนินการ ได้แก่ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 5 แสนล้านบาท

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และจะเริ่มซื้อขายวันแรกในวันที่ 12 ก.ค.ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดบริษัท 40 ปี ถือว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยที่ดี

"ได้กำหนดวันที่ 12 ก.ค. นี้ซึ่งตรงกับวันเกิดบริษัทครบรอบ 40 ปี ก็นับเป็นความพยายามของเราที่จะทำให้ทุกอย่างลงตัวในวันอันเป็นมงคล ถึงแม้ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไร เราก็จะให้เป็นไปตามนั้น "นายชวลิต กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

TEAMG เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.42 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน วัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ และเทคโนโลยีก้าวหน้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ นอกจากนี้ยังใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน คาดว่าจะใช้เงินภายในปี 62

*เข้า SET สร้างชื่อรุกขยาย ตปท.-เตรียมพร้อมลุยงานเมกะโปรเจ็คต์ในไทย

นายชวลิต ให้สัมภาษณ์ว่า การนำ TEAMG เข้าจดทะเบียนใน SET เพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักทั่วไปทั้งในกลุ่มพันธมิตรที่เคยร่วมงานส่วนใหญ่ที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาจากต่างประเทศ และบริษัทอื่น ๆ ในตลาดต่างประเทศที่มีโอกาสร่วมงานในอนาคต และเตรียมเงินทุนในการลงทุนอุปกรณ์เพื่อรองรับงานที่จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วง 3-5 ปีนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทมีบุคลากรซึ่งเป็นพนักงานประจำถึง 1,500 คนซึ่งเป็นวิศวกร 700 คน และก่อตั้งมาแล้ว 40 ปี

"เรามีมาตรฐานสากลที่มีพร้อมทั้ง 5 ด้าน การบริหารจัดการและมีระบบที่ดี เราเองก็อยากเอาระบบระเบียบของเราเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ให้มีผู้ตรวจสอบว่าเราเป็นบริษัทที่ได้มีมาตรฐานสากลจริง มีความโปร่งใสในการบริหาร ตรวจสอบได้ตลอดเวลา และมีธรรมาภิบาล และตัวเราเองก็ต้องการขยายตัวด้วย จึงเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์"นายชวลิต กล่าว

ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายขยายธุรกิจไปประเทศกลุ่มอาเซียนให้ครบ 10 ประเทศ จาก 7 ประเทศในปัจจุบัน รวมถึงประเทศติมอร์เลสเตที่เตรียมเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียนเป็นประเทศที่ 11 ที่บริษัทได้งานออกแบบโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และงานออกแบบสนามกีฬา โดยบริษัทมีแผนจะเข้าไปรับงานใน 3 ประเทศที่เหลือ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และบรูไน ภายใน 3-5 ปีนี้

รวมถึงประเทศอื่น ๆ นอกกลุ่มอาเซียนที่บริษัทได้ออกไปรับงานบ้างแล้ว เช่น งานออกแบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่เมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย จึงมองเห็นโอกาสที่ขยายงานในภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มเติมด้วย จากความชำนาญของการเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมอันดับ 1 ของประเทศที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 40 ปี

"การจะขยายไปงานต่างประเทศที่ไกลออกไปก็ต้องใช้เงินทุนเยอะ การมีพันธมิตรต่างประเทศ และมีค่าใช้จ่ายในการขยายหรือตั้งสาขาก็เป็นส่วนหลักๆนำเงินที่ขาย IPO มาใช้...งานของบริษัทก็จำเป็นจะต้องมีพันธมิตรในการร่วมมือกัน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ และหากเป็นงานในต่างประเทศก็จะมีพันธมิตรที่เป็นคนท้องถิ่นด้วย"นายชวลิต กล่าว

*นำเงิน IPO ลงทุนเทคโนโลยี-อุปกรณ์รองรับเมกะโปรเจ็คต์ภาครัฐ-ขยายงานเอกชน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG กล่าวว่า เงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ราว 435 ล้านบาทจะใช้ลงทุนในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานหลัก โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยงาน เช่น อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ช่วยจัดทำแผนที่เสมือนจริงแบบ 3 มิติ โดยได้มาตราส่วนที่ละเอียดนำไปสามารถลงรายละเอียดในการออกแบบ ปัจจุบัน บริษัทมีโดรนอยู่ 4 ลำ ซึ่งจะมีการขยายจำนวนโดรนเพิ่มขึ้น

และบริษัทยังต้องลงทุนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ที่ช่วยออกแบบแผนที่แบบ 3 มิติในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้การออกแบบมีความแม่นยำ ประหยัดค่าก่อสร้าง และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานซึ่งสามารถแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติได้

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในการรับงาน เช่น งานผลิตแผนที่ให้กับผู้ประกอบการในประเทศต่าง ๆ นอกเหนือจากการใช้ภายในกิจการของบริษัทเอง โดยเฉพาะในลาว ขณะที่บริษัทต้องการขยายงานในเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา

"บริษัทสามารถทำรายได้มาก ได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา (กลุ่ม CLMV) ในขณะนี้ แต่ก็มีคู่แข่งต่างชาติมากเช่นกันซึ่งมีเทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้นเพื่อให้ได้งานมาเราก็ลงทุนเทคโนโลยีทั้งซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และฝึกบุคลากร ซึ่งใช้เงินทุนปีละ 30 ล้านบาท/ปี และเราไม่หยุดลงทุนเรื่องเทคโนโลยีไม่อย่างนั้นจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง จึงต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ต้องนำเงินทุนจากการขาย IPO ครั้งนี้มาใช้ลงทุน"นายชวลิต กล่าว

*คาดรายได้ปี 61 โต 5-10% จากปีก่อน 1.59 พันลบ.ตุน Backlog ราว 3.47 พันลบ.ทยอยรับรู้ฯใน 2 ปีครึ่ง

นายชวลิต เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้เติบโต 5-10% จากปีก่อนมีรายได้ 1.59 พันล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/61 มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,473.94 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายใน 2 ปีครึ่ง และในช่วงที่เหลือของปีก็มีโอกาสได้งานเพิ่มเข้ามาช่วยเติม Backlog ปีนี้ได้อีก โดยเฉพาะงานในประเทศที่จะเห็นจากโครงการในพื้นที่ EEC ซึ่งมีหลายงาน TEAMG เข้าไปรับงานในเบื้องต้นไว้แล้ว

ซีอีโอ TEAMG ยกตัวอย่างงานต่าง ๆ ใน EEC ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าราว 2.2 แสนล้านบาท ซึ่ง TEAMG รับเป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติด้านเทคนิคของผู้ยื่นซองประมูลในวันที่ 12 พ.ย.61 รวมถึงวิเคราะห์ด้านการเงินเบื้องต้น, ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3, การเชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-ท่าเรือสัตหีบที่อยู่ระหว่างออกแบบนำรถไฟทางคู่มาใช้, มอเตอร์เวย์สายใหม่ กรุงเทพ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง ที่มีการกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) แล้ว

และยังมีโครงการขนาดใหญ่อย่างศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) การพัฒนาเมืองการบิน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม

นอกจากนั้น บริษัทยังได้เป็นที่ปรึกษาออกแบบการบริหารพื้นที่จัดการสถานีกลางบางซื่อที่เริ่มนำโซน A นำมาบริหารก่อน และยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ที่บริษัทจะมีส่วนร่วมทำร่าง TOR

"รายได้ของเราแปรผันกับงานก่อสร้าง ซึ่งมาจากงานออกแบบและเป็นผู้ควบคุมคุณภาพงาน ในไทยยังมีงานเข้ามาอีกมาก และเติบโตตามจีดีพีที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโตเกิน 4% โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับ EEC และเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน"นายชวลิต กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐสูงถึง 50% งานเอกชน 25% และงานต่างประเทศ 20% (ลาวทำรายได้มากที่สุดใน 7 ประเทศ โดยเฉพาะงานเขื่อนขนาดใหญ่ เช่น ไซยะบุรี, เซเปียนเซน้ำน้อย, น้ำเทิน 2 ส่วนที่เหลือเป็นงานจากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

นายชวลิต กล่าวในท้ายที่สุดว่า TEAMG เป็นที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ มีความเชี่ยวชาญ 5 ด้าน ได้แก่ 1) งานด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ได้แก่ ถนน รถไฟ รถไฟฟ้า สนามบิน มีคู่แข่งต่างชาติกว่า 6 ราย 2) ด้านทรัพยากรน้ำ อาทิ งานประปา งานบำบัดน้ำเสีย เขื่อนกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร อุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9 เขื่อนเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในลาว อาทิ น้ำเทิน 2, น้ำงึม 2, ไซยะบุรี , เซเปียนเซน้ำน้อย เป็นต้น มีคู่แข่งต่างชาติ กว่า 10 ราย

3) งานอาคาร ซึ่งที่ผ่านมามีงานที่ปรึกษาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลราว 50 แห่งและในเมืองใหญ่ เช่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ , ศูนย์ราชการ โซน A, B โดยกลุ่มนี้มีคู่แข่งมากกว่า 20 รายที่เป็นต่างชาติ 4)งานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ที่ทำมา 40 ปีแล้ว รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เขื่อนในลาว โดยมีคู่แข่งต่างชาติกว่า 20 ราย และ 5) ศึกษาออกแบบโรงไฟฟ้าใช้ก๊าซ โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าไบโอแมส ทั้งใช้ขยะและมูลสุกร และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ด้วย ซึ่งมีคู่แข่งต่างชาติ 5 ราย

https://www.youtube.com/watch?v=2Llq-D4u-TU&feature=youtu.be


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ