หุ้น PTTEP ร่วงลง 3.7% มาที่ 130 บาท หรือลดลง 5 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 724.76 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.23 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 133 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 133.50 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 130 บาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง จะเป็นลบต่อผู้ผลิตน้ำมันอย่างบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ปิดเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ร่วงลง 2.95 เหรียญสหรัฐ หรือ 4.15% ปิดที่ 68.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนประเด็นการจะขายหุ้นทั้งหมดในแหล่งน้ำมันดิบมอนทาราในประเทศออสเตรเลียนั้น มีมุมมองเป็นบวก เนื่องจากแหล่งมอนทาราเป็น declining stage และหากดำเนินการต่อจะได้รับผลกระทบและจะไม่คุ้ม เพราะต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ที่สูงประมาณ 66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ค่าเฉลี่ยต้นทุนต่อหน่วยของบริษัทอยู่ที่ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รวมถึงอาจจะเกิดภาวะหนี้สินขึ้นหากการถอนตัวออกมาไม่ถูกจังหวะหรือเนิ่นนานเกินไป โดย PTTEP มีกลยุทธ์ที่จะเน้นการให้ทรัพย์สินจากการดำเนินงานหลักอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และลดความเสี่ยงในแหล่งผลิตที่อยู่ไกล แต่มีโอกาสที่จะได้ผลผลิตในเชิงพาณิชย์น้อย
ทั้งนี้ คาดว่า PTTEP จะรับรู้รายได้จากการขายในไตรมาส 3/61 มูลค่าเบื้องต้นประมาณ 195 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่อาจจะมีการปรับขึ้นอีกไม่เกิน 160 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการมีข้อตกลงที่ PTTEP อาจจะได้ Upside เพิ่มเพราะราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับขึ้นรวมถึงอาจจะมีผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการดำเนินงานในอนาคต ปัจจุบันอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ของมอนทาราค่อนข้างต่ำประมาณ 50% เมื่อเทียบกับเฉลี่ยของ PTTEP ในแหล่งอื่น ๆ ที่ 70% โดยจะลดค่าใช้จ่าย (OPEX) ได้ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี ส่งผลให้มีเงินสดในมือมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถคำนวนกำไร หรือขาดทุนที่แน่นอนจากธุรกรรมนี้ อาจจะมีการขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ แต่มอนทาราเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 2-3% ของรายได้รวมของ PTTEP และมีผลกระทบต่อกำลังผลิตโดยรวมน้อย จึงอาจจะพิจารณาเมื่อมีรายละเอียดเพิ่มเติมจาก PTTEP เบื้องต้น โดยแนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายตาม DCF ที่ 150 บาท