(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up คล้ายตลาดภูมิภาค หลังสงครามการค้าไม่คืบหน้า-หันโฟกัสงบฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 19, 2018 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย เนื่องจากเรื่องสงครามการค้าไม่ได้มีความคืบหน้า และตอนนี้ก็หันมาโฟกัสผลประกอบการกันมากขึ้น โดยวันนี้และพรุ่งนี้ก็จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการของแบงก์ออกมาหลายตัว

นอกจากนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติก็ชะลอตัวลงด้วย ซึ่งทิศทางตลาดฯน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้หลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ แต่การรีบาวด์ก็คงจะเป็นแค่สั้น ๆ เนื่องจากยังได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ ดังนั้น นักลงทุนคงจะอยากรอดูความชัดเจน และรอดูการทยอยประกาศงบฯก่อน

พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,644 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,199.29 จุด เพิ่มขึ้น 79.40 จุด (+0.32%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,854.44 จุด ลดลง 0.67 จุด (-0.01%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,815.62 จุด เพิ่มขึ้น 6.07 จุด (+0.22%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 77.43 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.76 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 133.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.45 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.12 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ค.61) 1,635.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.78 จุด (+0.60%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 999.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ค.61) ปิดที่ 68.76 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ค.61) ที่ 5.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.33 แข็งค่าจากวานนี้หลังมีแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 33.30-33.40
  • รัฐบาลเตรียมปรับโครงการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมาการทำงานไม่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ทั้งในเรื่องการจัดทำแผนพลังงาน และถูกฟ้องร้องและร้องเรียนจากเอกชน ล่าสุดบริษัท กัลฟ์ ฟ้องศาลปกครอง กรณีไม่ให้ใบอนุญาตจำหน่ายก๊าซแอลเอ็นจี รวมทั้งความล่าช้ากรณีโรงไฟฟ้าชีวมวลในภาคใต้
  • ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ด กสทช.) มีมติเห็นชอบการเข้าสู่มาตรการเยียวยาคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับบริษัท กสท โทรคมนาคม หรือแคท วันที่ 15 ก.ย.นี้ ภายใต้เงื่อนไขดีแทคต้องเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่นั้นๆ และต้องมีการเคาะราคาเกิดขึ้น
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลการสำรวจความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการประจำเดือน มิ.ย. 2561 อยู่ที่ระดับ 91.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก เดือน พ.ค. 2561 อยู่ที่ระดับ 90.2 โดยค่าดัชนีสูงสุดในรอบ 42 เดือน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2558 โดยความเชื่อมั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะท้อนว่าผู้ประกอบการมองภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง
  • ราคาทองคำทำสถิติใหม่ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นับจากวันที่ 19 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากนักลงทุนหันมาซื้อดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว ซึ่งส่งผลทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกดราคาทองปรับตัวลง โดยราคาทองคำเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ปิดปรับตัวลดลงถึง 13.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือลดลง 1%
  • ก.ท่องเที่ยวและกีฬาเผย 6 เดือนแรกยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19.48 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.46% สร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาท ชาวจีนแชมป์เดินทางมากสุด ด้านท่องเที่ยวเมืองรอง 5 เดือนโตชัด รายได้ 1 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นครศรีฯกวาดรายได้สูงสุด รองลงมาเป็นเชียงราย และตราด แนะรัฐ-เอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจูงใจเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SAT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 25.5 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 คาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี เบื้องต้นประเมินกำไร 180-200 ล้านบาท ชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่มีกำไร 235 ล้านบาท อุตสาหกรรมรถยนต์ปีนี้มีแนวโน้มจะโตมากกว่าคาด จึงประเมินยอดขายปีนี้ 8,190 ล้านบาท ติดลบ 5% จากการโอนธุรกิจสปริงทำให้ยอดขายหายไป 13-15% และคาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 898 ล้านบาท โต 11%YoY ถ้าไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะโตถึง 25%YoY ด้านเทคนิคแกว่ง sideway แนวรับ 21.5 ต้าน 23.0 บาท
  • THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท กำไรสุทธิ Q2/61 เป็นไปตามที่คาดที่ 392 ล้านบาท +7.8% Q-Q, +52% Y-Y จากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึง Cost of fund ที่ลดลง และการตั้งสำรองฯที่ผ่อนคลายตามคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นและสำรองฯทั่วไปที่ลดลง พร้อมคาดกำไร H2/61 จะดีกว่า H1/61 เพราะเป็นฤดูกาลที่ดีของสินเชื่อและแนวโน้มการตั้งสำรองฯที่จะยิ่งผ่อนคลายจากการเลื่อนใช้ IFRS9 และ Coverage ratio ที่ขึ้นสู่ระดับน่าพอใจ
  • EPG (เคทีบี) เป้า 10 บาท เป็นหุ้น turnaround คาดกำไรสุทธิปี 61/62 (เม.ย.2561-มี.ค.2562) เป็น 1,145 ล้านบาท เติบโต 16% YoY จากแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ Aeroflex, Aeroklas และ EPP รวมถึงมองความเสี่ยงทางด้านต้นทุนและอัตราแลกเปลี่ยนเริ่มลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ EPG ได้ผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อนแล้ว และเริ่มมีแนวโน้มทยอยกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ และคาดจะเห็นกำไรสุทธิกลับมาเติบโต YoY ได้ใน Q3 ปี 61/62 (ต.ค.-ธ.ค.2561)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ