บล.กสิกรไทย คงเป้าดัชนี SET ปีนี้ 1,898 จุด มองศก.ไทยแกร่งรองรับความผันผวนจากปัจจัยตปท., แรงขายตปท.ชะลอใน H2

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 18, 2018 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า บล.กสิกรไทยยังคงเป้าหมายเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,898 จุด แม้ว่านักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศจีนและสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีความไม่แนนอนสูงอยู่ แต่เชื่อว่าจะไม่บานปลายไปจนถึงขั้นเป็นสงครามทางการค้า โดยเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงที่ใกล้กับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย. หรืออาจจะมีการเจรจาระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐในช่วงเดือน ส.ค. ก่อนที่จะเริ่มมีการประกาศกำแพงภาษีในสินค้ากลุ่มที่เหลืออีกมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือน ก.ย.

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปัจจัยต่างประเทศจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอยู่ แต่ด้วยปัจจัยภายในประเทศมองว่ามีสัญญาณการเติบโตที่ค่อนข้างชัดเจน ด้วยทิศทางการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง การบริโภคของภาคเอกชนฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ส่วนผู้มีรายได้ปานกลางถึงผู้มีรายได้สูง เริ่มมีสัญญาณที่ดีหลังจากที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสินเชื่อส่วนบุคคลอีกครั้ง ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในครึ่งหลังปีนี้เติบโต และทดแทนกับปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในต่างประเทศได้

ในส่วนของแรงขายของต่างชาติที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกกว่า 2 แสนล้านบาท มองว่าเป็นการเทขายจำนวนมาก โดยในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าปริมาณการขายจะน้อยกว่าครึ่งปีแรก และมีโอกาสที่จะมีเงินไหลกลับเข้ามาด้วย

"เรามองว่าการขายของต่างชาติกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น คือการขายจำนวนมาก และช่วงครึ่งปีหลังโอกาสที่จะขายมากกว่านั้นคงไม่มีมีแต่จะน้อยลง หรือไม่มีเลย ดังนั้นแรงกดดันจากแรงขายของต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลังก็จะลดลงแล้ว และภาพของดัชนีจะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทาง บล.กสิกรก็ได้ประเมินแนวรับสำคัญไว้อยู่ที่บริเวณ P/E 13-14.3 เท่า ที่ระดับ 1,577-1,610 จุด ซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดี ปัจจุบันขึ้นมาที่ 1,630 กว่าจุด แล้ว ก็มีความคาดหวังว่าช่วงที่เหลือของปีจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นและขึ้นไปทดสอบ 1,898 จุด แต่อย่างไรก็ตามต้องมาด้วยปัจจัยหลัก 3 ข้อคือ การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ไม่เห็นการชะลอตัวอย่างรุนแรง และสุดท้ายคือสงครามการค้าไม่เกิดขึ้น แต่หากทั้ง 3 ข้อไม่เกิดขึ้น ก็จะลดลงจากประมาณการของเรา 300 จุด ซึ่งเรามองว่า ณ ตอนนี้จะไม่เกิดขึ้น"นายประกิต กล่าว

นายประกิต กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มที่เหมาะสมในการลงทุนคือ กลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศโดยเชื่อว่ากำลังซื้อของต่างจังหวัดกำลังมาเป็นตัวเสริม โดยแนะนำในกลุ่มธนาคาร BBL, KTB กลุ่มต่อมาคือค้าปลีก CPALL ,CPN ,BEAUTY กลุ่มการเงิน MTC อสังหาริมทรัพย์ LH ,AP ,SPALI ,QH และสุดท้ายคือได้ประโยชน์ของค่าเงินบาทอ่อนค่า คือ KCE , HANA ในส่วนของบริษัทที่ได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกคือ IVL

สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีราคาหุ้นที่น่าสนใจที่ P/E 14-14.5 เท่า ยังคงมี Upside ค่อนข้างมาก ราว 15% จากดัชนีเป้าหมายที่ 1,898 จุด และมีเงินปันผลที่ค่อนข้างดี ดังนั้น จึงมองว่าสามารถทยอยเข้าซื้อได้ โดยอาจจะซื้อหลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 2/61 ออกมาแล้ว เพื่อลุ้นผลประกอบการไตรมาส 3/61 และ ไตรมาส 4/61 ต่อไป

https://www.youtube.com/watch?v=OL8NF2k-LqM&feature=youtu.be


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ