โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" JWD มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q1/61 ธุรกิจคลังสินค้า-ลงทุนต่างประเทศหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 6, 2018 15:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) หลังมองผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวรายไตรมาส จากเชื่อว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 1/61 ไปแล้ว โดยธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิมีการเติบโตได้ดีตามทิศทางของลูกค้าหลัก ประกอบกับรับรู้รายได้จากธุรกิจบริการรับฝากและบริหารรถยนต์เพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมที่เติบโต ซึ่งล่าสุดได้ Audi เป็นลูกค้าใหม่

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการเติบโตจากธุรกิจที่เข้าลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิในอินโดนีเซียและธุรกิจอาหารแช่แข็งในไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในปี 62

ราคาหุ้น JWD ช่วงบ่ายอยู่ที่ 7.35 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.34% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.22%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          หยวนต้า                          ซื้อ                        9.00
          ทิสโก้                            ซื้อ                       11.50
          กสิกรไทย                         ซื้อ                        9.00

นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดการณ์กำไรปกติของ JWD ในไตรมาสที่ 2/61 จะอยู่ที่ 45 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 8% แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ปัจจุบันมีอัตราการเช่าถึง 80-85% และกลุ่มยานยนต์ที่มีการเพิ่มพื้นที่การเช่าอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์

ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 2/61 จะลดลงเหลือ 27.7% จากเดิม 28.4% ในไตรมาส 1/61 จากการดำเนินธุรกิจใหม่ที่กระทบอัตรากำไรธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ โดยไตรมาสที่ 2/61 จะมีการรวมงบการเงินจากธุรกิจอาหารแช่แข็งในไต้หวัน ซึ่งถือหุ้นอยู่ 60% อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน และการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กระทบอัตรากำไรมากกว่าคาด

"มองว่าการขยายสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศของ JWD มีการทำมาอย่างต่อเนื่อง และทยอยลงทุนโดยใช้เงินน้อยเพื่อเข้าไปสร้างให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งผลกระทบในช่วงแรกคือรายได้และกำไรยังเข้าไปชดเชยค่าเช่ากลับไปให้กอง REIT ไม่ได้ แต่มองว่าในปี 62 จะมีการออกดอกออกผล ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเติบโต 16%" นายธีร์ธนัตถ์ กล่าว

ขณะเดียวกันมีมุมมองเชิงบวกในช่วงครึ่งหลังของปี จากมองว่าไตรมาสที่ 1/61 ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเห็นการฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2/61 ซึ่ง JWD ได้รับงานใหม่คืองานบริหารจัดการตู้บนระบบรางที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะเข้ามาเป็นรายได้เต็มไตรมาสในไตรมาสที่ 2/61 และธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิจะได้รับผลบวกจากทิศทางของลูกค้าหลัก เช่น บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ( TU) และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่คาดว่าไตรมาสที่ 3/61 จะเติบโตได้ดี ประกอบกับธุรกิจยานยนต์ล่าสุดได้รับลูกค้าใหม่คือ Audi เข้ามาเช่าพื้นที่ในไตรมาสที่ 3/61 เช่นเดียวกัน โดยประเมินกำไรไตรมาสที่ 3/61 ไว้ราว 50-60 ล้านบาท และกำไรทั้งปีที่ 205 ล้านบาท

ด้านบทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุว่า ผลประกอบการของ JWD จะดีขึ้นจากธุรกิจใหม่โดยคาดว่าไตรมาสที่ 2/61 รายได้รวมอยู่ที่ 952 ล้านบาท หรือเติบโต 65% จากปีก่อน จากการเติบโตของทุกส่วนธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการบริหารคลังสินค้าและธุรกิจอาหารในไต้หวันจะเริ่มรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาสนี้ ประกอบกับคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจห้องเย็นในอินโดนีเซียด้วย

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นคาดลดลงเป็น 24% จากเดิม 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจใหม่ ขณะที่ธุรกิจขนส่งคาดว่าอัตรากำไรจะทรงตัวจากไตรมาสที่ 1/61

ส่วนการซื้อรถ Reach Stacker จะเริ่มดำเนินงานในเดือนส.ค.61 เช่นเดียวกับธุรกิจห้องเย็นในเวียดนามที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/61 เช่นกัน ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3/61 ด้วย

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น JWD แม้จะปรับลดราคาเป้าหมายของ JWD ลงเป็น 9.00 บาทจากเดิม 12.70 บาท ตามการปรับลดประมาณการกำไรในช่วงปี 61-63 ที่ระดับ 26-29% นอกจากนี้ยังมูลค่าในส่วนการลงทุนใหม่ออก เนื่องจากได้รวมการลงทุนใหม่ๆเข้าไปในประมาณการใหม่แล้ว ประกอบกับกลยุทธ์ใหม่ของ JWD ที่จะเน้นไปยังธุรกิจปัจจุบันอย่างเต็มที่ ไม่เน้นการลงทุนต่างประเทศมากนักเหมือนในอดีต โดยจะมีการลงทุนในเวียดนามเป็นการลงทุนในต่างประเทศหลักที่เหลือเพียงประเทศเดียว

ทั้งนี้ มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากเป็นการสร้างกำไรที่ง่ายกว่าและเสี่ยงน้อยกว่าการหาการลงทุนใหม่ที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นการควบคุมงบดุลที่ดีอีกด้วย ทั้งนี้ เห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาอย่างมากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสในการเข้าสะสม เพื่อรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนระยะยาว โดยกำไรไตรมาส 3/61 คาดจะก้าวกระโดดจากไตรมาส 2/61 และจะเป็นจะเริ่มต้นที่ทำให้นักลงทุนกลับมาสนใจใน JWD ได้อีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ