โบรกฯเชียร์"ซื้อ"JKN รุกขายคอนเทนท์ไทย-อินเดียใน ปตปท.พร้อมขยายฐานผู้ชมซีรีย์อินเดียมากขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 8, 2018 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) มองการบุกออกไปนำเสนอขายคอนเทนต์ในต่างประเทศมากขึ้น และการจับมือกับพันธมิตรช่อง 3 (BEC) นำคอนเทนท์ละครไทยไปจำหน่ายในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี รวมถึงการจับมือกับ Zee Entertainment ผู้ผลิตคอนเทนท์ภาพยนตร์บอลลีวูดที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเปิดตัวช่อง JKN Zee Magic ออกอากาศผ่าน Bflix ขยายฐานผู้ชม น่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในคช่วงครึ่งปีหลัง จึงคาดว่ากำไรสุทธิและรายได้รวมทั้งปีจะเติบโตดีกว่าปีก่อน

ราคาหุ้น JKN ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 11.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ SET +0.55%

            โบรกเกอร์             คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
            โกลเบล็ก                ซื้อ                 13.40
             เออีซี                  ซื้อ                 13.20
             เคทีบี                  ซื้อ                 13.00
             ฟิลลิป                  ซื้อ                 13.90

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ JKN ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทมีแผนจำหน่ายคอนเทนท์ไปยังต่างประเทศมากขึ้น น่าจะส่งผลดีต่อตัวรายได้จากต่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิและรายได้รวมของบริษัทให้เติบโตมากกว่าปีก่อน

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ไว้ที่ 225 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน และรายได้อยู่ที่ 1,387 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน จากการจำหน่ายคอนเทนต์ให้กับช่องทีวีดิจิตอลได้เพิ่มขึ้น และการขยายฐานผู้ชมไปในประเทศ CLMV รวมถึงบรูไน และมาเลเซีย คาดว่าจะเป็นสัดส่วนราว 15-20% ของรายได้รวมทั้งปี และความร่วมมือกับช่อง 3 หรือ BEC ในการจำหน่ายคอนเทนท์ไปต่างประเทศยกเว้นประเทศที่ช่อง 3 ได้มีการจำหน่ายแล้ว ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม พม่า เป็นต้น

"จากการที่บริษัทฯ มีแผนขายคอนเทนท์ไปยังต่างประเทศมากขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อสัดส่วนรายได้ต่างประเทศให้ปรับตัวดีขึ้น โดยมองว่าในครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกด้วย ซึ่งนอกจากจะขายคอนเทนท์เพิ่มขึ้นแล้ว JKN ได้มีการจับมือกับทางช่อง 3 เพื่อนำเอาละครไปจำหน่ายที่ต่างประเทศในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี อีกทั้งล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมกับ Zee Entertainment ผู้ผลิตคอนเทนท์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยทางพันธมิตรดังกล่าวจะเป็นผู้ป้อนคอนเทนท์ให้ ส่วน JKN จะเป็นผู้ทำการพากย์ใหม่ และทำการตลาดให้ทั้งหมด โดยจะออกอากาศผ่านทาง Bflix"น.ส.วิลาสินี กล่าว

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี กล่าวในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/61 คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 90% จากปีก่อนโดยได้แรงหนุนหลักจากรายได้รวมที่คาดจะเติบโต 18.9% จากปีก่อน สอดคล้องกับจำนวนคำสั่งซื้อลิขสิทธิ์ Content จากกลุ่มลูกค้าหลักที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บวกกับความสามารถในการเร่งส่งมอบลิขสิทธิ์ซีรีย์เอเชียที่เร็วขึ้น หลังทยอยเพิ่มห้องสตูดิโอ ช่วยลดปัญหาคอขวดในขั้นตอน Localized Content พร้อมเริ่มรับรู้รายได้ขายลิขสิทธิ์ให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ใน CLMV เป็นไตรมาสแรก เริ่มด้วยการขายซีรี่ย์อินเดีย 3 เรื่องให้กับลูกค้าในกัมพูชาและพม่า

นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะปรับตัวขึ้นเป็น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 42.2% ตามสัดส่วนการส่งมอบลิขสิทธิ์ให้กับลูกค้าในกลุ่มทีวีดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการขาย คาดลดลงจาก 15.9% ในช่วงไตรมาส 2/60 เหลือ 11.5% เนื่องจากคาดไม่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายที่ปรึกษามากเช่นปีก่อน

สำหรับช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่า JKN จะยังมีกำไรเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากช่วงไว้อาลัยเช่นปีก่อน ซึ่งมีลูกค้าช่องทีวีดิจิทัลบางส่วนขอชะลอรับมอบลิขสิทธิ์ในช่วงที่ถูกงดออกอากาศ อีกทั้งคาดว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/61 จะเริ่มรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์ละครของช่อง 3 ซึ่งบริษัทมีแผนเริ่มทำตลาดในฟิลิปปินส์ที่กลุ่มผู้ชมมีความชอบคล้ายคนไทย

ขณะที่หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศตาม ม.44 ออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล (ประกาศเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 61) ก็คาดว่าจะส่งผลให้ลิขสิทธิ์ Content สำเร็จรูปของ JKN ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ประกอบการดิจิตอลทีวีมากขึ้น จากจุดเด่นด้านความสามารถในการดึงดูดคนดูในต่างจังหวัดที่ดีและมีต้นทุนต่อตอนต่ำกว่าการผลิตรายการเองค่อนข้างมาก ทำให้ยังคาดปี 61 JKN จะมีกำไรสุทธิ 284 ล้านบาท เติบโตโต 51.5% ตามประมาณการเดิม

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อ JKN จากการที่บริษัทฯ ได้ร่วมกับ Zee Entertainment ประกาศเปิดตัวช่อง JKN Zee Magic โดยจะออกอากาศผ่าน Bflix ที่เป็นแพลตฟอร์ม OTT (Over The Top) ของ Boomerang ในรูปแบบการสมัครสมาชิก (Subscriber) เริ่มออกอากาศวันที่ 1 ต.ค.61 โดย content ที่ออกอากาศจะเป็นซีรีส์อินเดียของ Zee Entertainment โดยรูปแบบรายได้เป็นแบบ Revenue sharing

ประกอบการทางผู้บริหาร JKN ยังมีแผนที่จะนำ content ของ Zee ไปขายในช่องทาง OTT platform อื่นๆ และมีแผนขายลิขสิทธิ์ซีรีส์ให้กับ Bflix รวมถึงได้ร่วมมือกับทางแจ่มใส พับลิชชิ่งจัดทำและจำหน่าย eBook เรื่องย่อซีรีส์อินเดียของ JKN ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61

อีกทั้ง JKN ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอซื้อหุ้น Money Channel จาก GRAMMY เพื่อใช้ออกอากาศคอนเทนต์ของ CNBC และตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ส่งออกคอนเทนต์อยู่ที่ 50% ของรายได้ทั้งหมดในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนในปีนี้ JKN ตั้งเป้ารายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยมาจากส่งออกซีรีส์ไทย 150 ล้านบาท และอินเดีย 150 ล้านบาท

ปัจจุบัน JKN มี Backlog ยาวถึงสิ้นปี 62 และยังมีแผนจะร่วมกับผู้ผลิตทางอินเดียผลิตซีรีส์ "สยามรามเกียรติ์"เพื่อจำหน่ายลิขสิทธิ์ไปทั่วโลก ซึ่งยังไม่ได้รวมรายได้ในส่วนนี้ในการประเมินราคาหุ้น JKN

พร้อมกันนี้ทาง JKN ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับทางอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ในการนำคอนเทนท์ซีรีย์ไทยไปขายในประเทศดังกล่าว คาดว่ารายได้จากการจำหน่ายซีรีส์ไทยจะเริ่มรับรู้ในไตรมาส 3/61 ขณะที่รายได้จากการส่งออกลิขสิทธิ์ซีรีส์อินเดียไปยังประเทศกัมพูชาและพม่า คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 หรืออยู่ที่ 45 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ