SAWAD เผย Q2/61 กำไรลด 3% แม้รายได้โตตามพอร์ตลูกหนี้เหตุตั้งสำรองสูงขึ้น,ยัน NPL กลับสู่ปกติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 15, 2018 09:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า งบการเงินรวมของบริษัทในไตรมาส 2/61 บริษัทมีกำไรสุทธิ (กำไรสุทธิที่เป็นของผู้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่และส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม) อยู่ที่ 665 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 687.30 ล้านบาท สาเหตุมาจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความรอบคอบในการทำธุรกิจ และ สอดคล้องการการเติบโตของลูกหนี้ของกลุ่มบริษัท

ขณะที่ในแง่รายได้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีรายได้จากดอกเบี้ย 1,384.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.03% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 60 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย 1,246.88 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,873.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,818.11 ล้านบาท สาเหตุมาจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีรายได้จากดอกเบี้ย 2,628.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.68 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 60 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย 2,440.55 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 3,618.02 ล้านบาท ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,689.61 ล้านบาท สาเหตุมาจากมีการบันทึกรายการพิเศษจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในส่วนที่เกี่ยวกับการได้มา บง.ศรีสวัสดิ์ (BFIT) และเป็นผลให้กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปี 61 ลดลงประมาณ 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 60

นางสาวธิดา กล่าวว่า ผลการดำเนินในไตรมาส 2/61 สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะตัวเลขลูกหนี้สุทธิที่เพิ่มขึ้นกว่า 24% จากสิ้นสุด 6 เดือนแรกของปี 60 ที่มีลูกหนี้สุทธิ 19,766.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 24,510.98 ล้านบาท แต่เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาส 1/61 ลูกหนี้สุทธิจะเติบโต 5 %

"ไตรมาส 2/61 ลูกหนี้สุทธิจะเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม กรณีลูก NPL ที่มีปัญหาในไตรมาส 1/61 ได้มาปิดบัญชีไปทำให้ลูกหนี้สุทธิในไตรมาสสองเติบโตเพียง 5% แต่หากไม่นับรวมการปิดบัญชีของลูกหนี้จำนวนดังกล่าว พอร์ตลูกหนี้สุทธิเมื่อเทียบรายไตรมาสจะเติบโตถึง 8%"นางสาวธิดากล่าว

สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สิ้นสุด 30 มิ.ย.61 ได้ปรับลดลงมาเหลือที่ 4.7% จากสิ้นสุดไตรมาส 1/61 ที่มี NPL ประมาณ 8% หลังจากที่ลูกหนี้เอสเอ็มอีรายหนึ่งมาปิดบัญชี ซึ่งทำให้ภาพรวม NPL ของบริษัทกลับเข้าสู่ภาวะปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ