GBS มอง SET สัปดาห์นี้รับผลบวกศก.สหรัฐฟื้นแต่สงครามการค้ายังกดดัน คาดผันผวนในกรอบ 1,670-1,720 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 15, 2018 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐหนุนตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้ขยายตัวได้ราว 3.1% จาก 2.2% ในปี 60 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยของภาครัฐในการเดินหน้าประมูลโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศรองรับนโยบาย Thailand 4.0

ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้ อาทิ สงครามการค้าโลกที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความกังวลต่อเศรษฐกิจตุรกีหลังสหรัฐฯเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากตุรกีอีก 2 เท่าเป็น 50% และ 20% ตามลำดับ ที่ส่งผลให้ค่าเงินลีราของตุรกีร่วงลงแรงและอาจก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

ส่วนปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ในวันที่ 15 ส.ค.สหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือน ส.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรม และ การใช้กำลังการผลิต วันที่ 16 ส.ค.สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน ก.ค. วันที่ 18-19 ส.ค.ประมูลคลื่น 900 และ 1800 MHz และในวันที่ 20 ส.ค.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/61

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,670 - 1,720 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ได้แก่ AIT, INET, ITEL ได้ประโยชน์จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดประมูลโครงการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลโซน C จำนวน 15,723 หมู่บ้านวงเงิน 1.97 หมื่นล้านบาท รวมถึง SPRC และ IRPC ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น และ XO ที่มีกำไรครึ่งแรกปี 61 เท่ากับ 89 ล้านบาท เติบโต 197% เมื่อเทียบกับกำไรครึ่งแรกปี 60 ทำให้ผู้บริหารปรับเป้ารายได้เป็นเติบโต 10-15% จากเดิม 5-10%

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า หลังถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินสกุลดอลลาร์อันเนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับตุรกี ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤติการเงินในตุรกี และส่งผลลบให้มีเงินไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่หลายแห่งที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดหรือทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะยิ่งหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าและเพิ่มความกังวลแก่นักลงทุนว่าวิกฤติระดับประเทศอาจลุกลามมาเป็นวิกฤติการเงินระดับโลกได้

ทั้งนี้ ค่าเงินบาทยังคงสวิงในกรอบจำกัดระหว่าง 33.10–33.50 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงินของไทยมีความแข็งแกร่งกว่าประเทศส่วนใหญ่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แต่เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำในประเทศอย่างไรก็ตาม หากปัญหาในตุรกีคลี่คลายด้วยการรับเงินกู้จากต่างประเทศ หรือ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเรื่องดังกล่าวจะบานปลายกลายเป็นวิกฤติที่ยากจะควบคุม ก็จะส่งผลดีต่อราคาทองคำให้ดีดกลับขึ้นมาเหนือ 1,200 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยมองว่า หากราคาทองคำสามารถดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,200 ดอลลาร์ ได้ภายในสัปดาห์นี้ จะยังคงเป็นโอกาสให้พอร์ตระยะกลางถึงยาวเข้าซื้อสะสมเพื่อเล่นรอบหรือถือลงทุน ส่วนผู้มีสถานะ short หรือ short against port ควรทยอยแบ่งปิดทำกำไรเป็นระยะ ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ