CHOW มองแนวโน้มผลงานทั้งปีดีขึ้นทั้งเหล็ก-พลังงาน หลัง H1/61 รายได้-กำไรโตพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 16, 2018 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในปี 61 ว่า ยังมีทิศทางที่ดีทั้งธุรกิจเหล็กและพลังงาน โดยธุรกิจเหล็ก ความต้องการเหล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนการขายทั้งปีจำนวน 270,000 ตัน แบ่งเป็นการขายต่างประเทศที่ได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ TATA INTERNATIONAL METALS (ASIA) LIMITED จำนวน 100,000 ตัน และขายในประเทศจำนวน 170,000 ตัน จึงคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ธุรกิจพลังงานบริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 5 โครงการ มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวม 14.28 เมกะวัตต์ดีซี ซึ่ง 4 โครงการ มีแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จตามกำหนดในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการของ CHOW ในปีนี้เติบโตโดดเด่นได้ตามแผนงานที่วางไว้

สำหรับผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาไตรมาส 2/61 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,691.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 473.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.89% เมื่อเทียบกับปี 60 ที่มีรายได้รวมจำนวน 1,218.13 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 161.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.33 ล้านบาท คิดเป็น 115.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 ที่มีกำไรสุทธิ 74.93 ล้านบาท

ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี CHOW มีรายได้รวมจำนวน 2,336.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 542.90 ล้านบาท หรือ 30.27% เมื่อเทียบกับรายได้จำนวน 1,793.32 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการจำหน่ายเหล็กเพิ่มขึ้น และรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า รวมทั้งมีกำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 โครงการขนาด 4.02 เมกะวัตต์ดีซี ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธการขายโครงการเพื่อสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น

ธุรกิจเหล็กในครึ่งแรกของปี 61 บริษัทฯมีปริมาณการขายเหล็กจำนวน 111,000 ตัน เพิ่มขึ้น 50,000 ตัน คิดเป็น 81% หรือ คิดเป็นจำนวนเงินจำนวน 1,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 912 ล้านบาท คิดเป็น 104% เมื่อเทียบกับปี 60 เนื่องจากความต้องการเหล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรวมทั้งราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทฯสามารถผลิตและขายเหล็กแท่งเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนธุรกิจพลังงาน บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจำนวน 332 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 78 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการที่มีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 3 โครงการ โดยบริษัทได้รวมรายได้จาก 2 โครงการซึ่งมีกำลังการผลิตจำนวน 23.70 เมกะวัตต์ ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.60 และอีกหนึ่งโครงการกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 26.68 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่มรับรู้รายได้การจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในเดือน เม.ย.61 นอกจากนั้น ยังรับรู้รายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 212 ล้านบาท และมีกำไรจากการขายโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น ตามแผนธุรกิจจำนวน 157 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งแรกของปี 61 ถึงแม้ธุรกิจเหล็กจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากบริษัทยังมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงจากช่วงต้นปีที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการ เตรียมความพร้อมการเปิดผลิตโรงงานเฟสที่ 1 ซึ่งได้หยุดผลิตไปนานประมาณ 3 ปี เพื่อให้สามารถกลับมาผลิตได้ตามปกติ ประกอบกับราคาตลาดของวัตถุดิบผันผวนสูงขึ้นเร็วกว่าการปรับตัวของราคาขาย จึงส่งผลให้ธุรกิจเหล็กยังมีผลดำเนินงานขาดทุนอยู่จำนวน 46 ล้านบาท

ดังนั้น จึงสะท้อนให้ในครึ่งแรกของปี 61 บริษัทมีกำไรสุทธิ 84.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 50.29 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 67.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 38.19 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ