SPRC เชื่อกำไรปีนี้ทรงตัวแม้ปิดซ่อมย่อยนอกแผน คงคาดค่าการกลั่น 6-8 เหรียญฯ,เล็ง M&A-JV ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 16, 2018 15:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) คาดกำไรสุทธิปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 8,895.35 ล้านบาท จากก่อนหน้าคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต เนื่องจากบริษัทได้มีการปิดซ่อมบำรุงเล็กน้อยสำหรับหน่วยกลั่นสูญญากาศ (VDU) และหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) ราว 15 วัน ซึ่งอยู่นอกเหนือจากแผนงานเดิม

ขณะที่ค่าการกลั่น (GRM) ในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะยังอยู่ในกรอบ 6-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าในไตรมาส 2/61 จะปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 6 เหรียญ/บาร์เรล แต่ปัจจุบันเริ่มกลับเข้ามาอยู่ในระดับปกติแล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะปรับตัวลดลงไปบ้างจากความกังวลสงความทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังเป็นผู้ควบคุมกำลังการผลิตให้เหมาะสมเพื่อให้ราคาน้ำมันอยู่ในกรอบที่ต้องการ

สำหรับการใช้กำลังการผลิตปีนี้บริษัทยังคงใช้ได้เต็มประสิทธิภาพที่ 1.65 แสนบาร์เรล/วัน โดยผลผลิตน้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่ขายในประเทศ ขณะที่มีการส่งออกราว 15% เป็นน้ำมันเตาและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ส่วนการขายในประเทศจะจำหน่ายตามสัญญาระยะยาวให้กับ บมจ.ปตท. (PTT) ราว 40% และอีกราว 60% จำหน่ายให้กับกลุ่มเชฟรอน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทและผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกในนามของสถานีบริการคาลเท็กซ์

บริษัทยังมีแผนหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือน พ.ย.62 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นไปตามที่กำหนดให้มีการซ่อมบำรุงใหญ่ทุก 5 ปี ซึ่งครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเมื่อขึ้นเมื่อปี 57 ใช้เวลา 38 วัน แต่การหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหม่นี้คาดว่าจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น

นอกจากนี้ ในระหว่างการหยุดซ่อมบำรุงครั้งนี้ยังจะมีการเชื่อมต่อการขยายกำลังการผลิตของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) จากปัจจุบันที่มีกำลังการกลั่น 1.65 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 1.75 แสนบาร์เรล/วันด้วย ซึ่งใช้เงินลงทุนราว 80 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะสามารถกลั่นน้ำมันในระดับใหม่ดังกล่าวได้ในช่วงต้นปี 63

นาวิชัย เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังให้ความสนใจที่จะซื้อกิจการหรือร่วมลงทุนในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ซึ่งคาดหวังการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 50% เพื่อรองรับกลยุทธ์การขายน้ำมันในประเทศที่ให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ดีกว่าการส่งออก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งเมื่อคณะกรรมการบริษัทตัดสินใจแล้วก็จะเปิดเผยรายละเอียดต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ