โบรกแนะ"เก็งกำไร"TPIPL ราคาลงลึกสะท้อนข่าวร้ายแล้ว รีไฟแนนซ์มีลุ้นปี51

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 20, 2007 11:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นบมจ.ทีพีไอโพลีน(TPIPL)หลังราคาปรับลงลึกสะท้อนข่าวร้ายเรื่องมีความเสี่ยงเกี่ยวพันการเมืองและคดีฟ้องร้องไปมากพอแล้ว ขณะที่ฐานะการเงินและ EBITDA สูงถึง 4-5 พันล้านบาท ถือว่าแข็งแกร่งรับภาระหนี้ที่จะเพิ่มขึ้นกรณีเสียค่าปรับ 6 พันกว่าล้านบาทได้หากศาลตัดสินผิดจริง ประเด็นที่ต้องรอ คือการ Refinance ปลายปี 51 ที่อาจจะยังกดดันราคาหุ้นอยู่
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 10.50
บล.เอเซียพลัส เทรดดิ้ง 9.46
บล.เกียรตินาคิน เก็งกำไร 10.27
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เทรดดิ้ 10.00
บล.ซีมิโก้ ซื้อ 9.65
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองราคาหุ้น TPIPL ปรับลงมามากกว่าที่รับข่าวค่าปรับกรณีคดีปั่นหุ้น 6 พันกว่าล้านบาท โดยลงมาอยู่ในราคาที่เหมาะสมที่จะเข้าไปเล่นเก็งกำไร โดยราคาลงมาสะท้อนข่าวมากเกินไป ให้เป้าหมาย 10.50 บาท เพราะมองว่าแม้จะเสียค่าปรับ แต่ฐานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง EBITDA ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท/ปี คิดว่าบริษัทสามารถที่จะอยู่รอดได้ ไม่ได้ทำให้บริษัทแย่ถึงขั้นมีปัญหา
ส่วนหนี้ที่ศาลอนุญาตให้ยืดเวลาแผนฟื้นฟูกิจการออกไปเป็นปี 51 นั้นหนี้ก้อนเก่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งมีไม่มากแล้ว TPIPL ก็จะเสียดอกเบี้ยน้อยลง แต่เนื่องจากอาจจะต้องทำรีไฟแนนซ์ ถ้าไม่สำเร็จก็จะยืดออกไปเป็นอีก 1 ปี
อนึ่ง ยอดหนี้ดังกล่าว ณ สิ้นไตรมาส 3/50 อยู่ที่ 8,442 ล้านบาท ทำให้ TPIPL มีภาระจ่ายดอกเบี้ย MLR+1.5% รวมกับค่าธรรมเนียมอีก 1%
สำหรับกรณีนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการบริษัทได้ขายหุ้น TPIPL ออกมาก็กระทบราคาหุ้นมาระดับหนึ่งแล้ว แต่ขายแค่ 33 ล้านหุ้นถือว่าน้อยมาก เพราะกลุ่มตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ยังมีหุ้น TPIPL อยู่อีก
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ประเมินอย่างค่อนข้าง conservative และปัจจัยการเสียค่าปรับ โดยการตีสินทรัพย์มูลค่าเพิ่มได้ราคาตามมูลค่าพื้นฐานที่ 9.46 บาท หากดูจากราคาขณะนี้ต่ำกว่า fair value ที่ค่อนข้าง conservative น่าจะเปิดโอกาสให้คนกลับเข้ามาเก็งกำไรได้ fair value ค่อนข้าง conservative พอสมควร downside น่าจะจำกัดถ้าไม่มีข่าวลบออกมาอีก เพราะหากดูจากผลประกอบการของบริษัทยังไปได้ดี
"ธุรกิจยังไปได้เรื่อยๆ เพียงแต่ช่วงนี้มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามา อาจจะมองว่าผู้ถือหุ้นใหญ่กำลังลงเล่นการเมืองด้วย แต่ถ้าไม่ได้ดูเรื่องนี้ดูที่พื้นฐานอย่างเดียวมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 9.46 บาท อย่างไรก็ตาม อยู่ที่อารมณ์ของผู้เล่นหุ้นด้วยว่าให้น้ำหนักกับเรื่องพวกนี้แค่ไหน" นายประสิทธิ์ กล่าว
นักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)แนะ"เทรดดิ้ง"หลังจากราคาปรับลงไปมากรับข่าวร้ายที่ออกมาถือว่าเกือบหมดแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ยังกังวลคือการรีไฟแนนซ์ใหม่ที่เลื่อนไปเป็นปีหน้า
ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน หากมองระยะยาวยังอยู่ใต้ความกดดันเรื่องรีไฟแนนซ์ไปอีก 1 ปี เพราะเรื่องต่างๆที่ออกมาวุ่นวายจนทำให้เจ้าหนี้ต้องมาพิจารณาใหม่ แต่มองในระยะใกล้นี้ความวุ่นวายออกมาเกือบหมดแล้วรออีกทีปีหน้า ส่วนที่นายประชัยขายหุ้นออกเป็นการขายเข้าบริษัทตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ไม่ได้เกี่ยวอะไร ซึ่งก็ยังดูทางอ้อมอยู่เพียงแต่ทำให้ถูกต้องในแง่ของการเล่นการเมือง
"พื้นฐานของบริษัทยังดีอยู่แต่ไม่ได้ถึงขนาดดีมาก เพราะยังมีความเสี่ยงตามคดีต่างๆที่ออกมา แต่ข่าวร้ายที่สุดออกไปเยอะมากแล้วถ้าลุ้นอีกทีที่จะมีข่าวร้ายเข้ามาใหม่ก็ปลายปีหน้าที่จะต้อง concern กันใหม่เรื่องรีไฟแนนซ์ แต่ตอนนี้ข่าวร้ายต่างๆ peak ไปแล้ว เทรดดิ้งได้" นักวิเคราะห์ กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน แนะเก็งกำไรราคาที่เหมาะสมกรณี Worst Case อยู่ที่ 10.27 บาท (ซึ่งเป็นกรณีที่แย่สุดหักส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์) ประเด็นดังกล่าวจะมีเรื่องของ Refinance ที่ยืดเวลาไปอีก 1 ปี เป็นประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องมา แต่ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจในแง่ผลกระทบคือเรื่องดอกเบี้ยจ่ายที่มีระดับสูงอยู่
ส่วนปัจจัยคดีฟ้องร้องคงมีเรื่องค่าธรรมเนียมในการสู้คดีมีผลต่อผลประกอบการบ้าง แต่ยอดขายและต้นทุนในปี 51 ขึ้นอยู่กับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งหากเป็นตามทิศทางที่รัฐบาลจะฟื้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะมีโอกาสขายอยู่ แต่จะมี impact ในเรื่องต้นทุนดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม
"แนะเก็งกำไรเพราะราคาปรับลงมาและสะท้อนในเรื่องของปัจจัยลบมากพอควร แต่ประเด็นดังกล่าวก็ยังต้องติดตามอยู่เพราะอาจจะเป็นปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นได้" นักวิเคราะห์ กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.ซีมิโก้ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากกว่าค่าปรับคดีปั่นหุ้น ตามคำพิพากษาศาลอาญามูลค่า 6.9 พันล้านบาท (3.42 บาท/หุ้น) เห็นว่าราคาหุ้นสะท้อนข่าวลบมากเกินไปแล้ว เพราะปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่า adjusted BV 9.51 บาท/หุ้นในปี 51 กรณีที่ TPIPL ต้องเสียค่าปรับ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานใหม่ได้ 9.65 บาท (DCF, 7.4% WACC) ซึ่งยังมี Upside จากราคาปัจจุบัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ