ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,694.63 จุด ลดลง 6.79 จุด (-0.40%) มูลค่าการซื้อขาย 50,740.06 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,707.63 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,688.59 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 394 หลักทรัพย์ ลดลง 857 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 470 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นในภุมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก จากความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และค่าเงินในเอเชียก็กลับมาแข็งค่าในวันนี้ด้วย
ส่วนตลาดหุ้นไทยได้รับแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในช่วงรอผลการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ได้มีการเล่นเก็งกำไรประเด็นนี้มาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาแล้ว อีกทั้งยังเล่นปัจจัยบวกในเรื่องตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไทยงวดไตรมาส 2/61 ที่ออกมาดีมากไปแล้วด้วย และเมื่อดัชนีฯขึ้นชนเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,706 จุด ในเชิงเทคนิคก็มีแรงขายทำกำไรออกมา
นอกจากนี้ วันนี้เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นเร็ว ทำให้คนอาจจะคาดหวัง Fund Flow จะไหลกลับมาบ้าง โดยเงินบาทหลังจากที่หลุด 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็แข็งค่าเร็ว ล่าสุดอยู่ที่ 32.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นแนวสำคัญของเงินบาทในรอบนี้ที่ 32.5-32.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นวันนี้ก็ยังมีลุ้น Fund Flow จะซื้อหรือไม่ หลังจากเงินบาทแข็งค่า แต่ช่วงสั้นเผชิญแรงขายทำกำไรไปก่อน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบแคบ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,680-1,706 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,921.69 ล้านบาท ปิดที่ 51.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,606.53 ล้านบาท ปิดที่ 65.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,735.38 ล้านบาท ปิดที่ 8.95 บาท ลดลง 0.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,693.22 ล้านบาท ปิดที่ 70.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,559.08 ล้านบาท ปิดที่ 81.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท