AOT คาดผู้โดยสารงวดปี 61 โตต่ำกว่าคาดเล็กน้อยมาที่ 8.5% หลังรับผลกระทบบอลโลก-นทท.จีนลด แต่รายได้นิวไฮ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 27, 2018 08:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. คาดว่า จำนวนผู้โดยสารของทั้งปี 61 จะเติบโตที่ 8.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่ 9-10% เล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 4/61 (ก.ค.-ก.ย.) จะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาไทยน้อยลง ประกอบกับอุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีการยกเลิกจองโรงแรม ช่วงเดือนส.ค.

"แม้ผู้โดยสารจะเติบโตต่ำกว่าประมาณการ แต่ในส่วนของรายได้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและทำสถิติใหม่ โดยเป็นผลมาจากจำนวน ผู้โดยสารระหว่างประเทศเติบโตสูงมากซึ่งทอท.มีรายได้ในส่วนของค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (PSC) ที่ 700 บาทต่อคน ขณะที่ผู้โดยสารภายในประเทศเติบโตน้อยลง 1-2% เท่านั้น โดยกำไรสุทธิของ 3 ไตรมาสแรกปี 61 อยู่ที่ 1.98 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน"นายนิตินัย กล่าว

ทั้งนี้ ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยาน 6 แห่งรอบ 10 เดือนแรกปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60 – ก.ค.61) (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ส.ค. 61) ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 12% คือ มีเที่ยวบินรวม 731,257 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.48 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผู้โดยสารรวมมีจำนวน 117,892,707 คน เพิ่มขึ้น 9.21%

ส่วนความคืบหน้าการรับโอนท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยาน 4 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ท่าอากาศยานสกลนคร ท่าอากาศยานชุมพร และท่าอากาศยานตากเพื่อส่งเสริมนโยบายรัฐบาลด้านการท่องเที่ยวและสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนเชื่อมโยงระหว่างเมืองสำคัญในภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาค ซึ่งได้เสนอแผนไปถึงกระทรวงคมนาคมแล้ว คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้ในเดือนก.ย.นี้และเข้าบริหารได้ในเดือนส.ค.-ก.ย. 62

ทั้งนี้บอร์ดทอท.ได้อนุมัติงบลงทุนพัฒนาเพิ่มเติมทั้ง 4 สนามบินประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยเป็นการปรับปรุงเพื่อยกระดับมาตรฐาน เพื่อรองรับเที่ยวบินตรงจากยุโรป โดยจากการศึกษาพบว่า ปี 60 สนามบินอุดรธานีมีผู้โดยสารประมาณ 2.5-2.6 ล้านคน โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ต้องลงที่กรุงเทพก่อนต่อเครื่องบินภายในประเทศไปอุดรธานีประมาณ 5 แสนคน ดังนั้น มองว่า หากสามารถเปิดเที่ยวบินตรงจากยุโรปไปอุดรธานี ซึ่งจะเพิ่มรายได้ในส่วนของค่า PSC และช่วยลดแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิ และลดปัญหาจุดตัดการจราจรทางอากาศระหว่างดอนเมืองและสุวรรณภูมิลงได้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโอนตารางการบินไปสนามบินอุดรธานี ได้ราวตารางบินฤดูร้อนในปี 63

ส่วนการก่อสร้างท่าอากาศยานใหม่ 2 แห่ง คือ เชียงใหม่ อยู่ในระหว่างการพิจารณาโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม

นอกจากนี้ ในเดือนก.ย.นี้เตรียมเสนอแผนพัฒนาสนามบินภูเก็ตระยะที่ 2 รองรับ 18.5 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะเริ่มได้ในต้นปี 63 แล้วเสร็จในปี 65

สำหรับการบริหารพื้นที่อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ของสนามบินสุวรรรภูมิหลังจากได้คัดเลือกผู้ออกแบบแล้วนั้น นายนิตินัยกล่าวว่า ทอท.เตรียมหารือกับ บมจ. การบินไทย (THAI) ซึ่งมีแนวคิดที่จะย้ายการให้บริการมาที่อาคารผู้โดยสารหลังที่2 ทั้งหมด ซึ่งจะเร่งหารือกับ นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คนใหม่ ว่าต้องการพื้นที่เท่าไร เนื่องจากข้อสรุปในการใช้พื้นที่ของการบินไทย จะมีผลต่อการบริหารจัดการผู้โดยสาร และการนำพื้นที่มาพัฒนาเชิงพาณิชย์ และดิวตี้ฟรีด้วย เนื่องจากปัจจุบัน ผู้โดยสารการบินไทยมีมากถึง 20 กว่าล้านคนต่อปี

ส่วนการประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น เนื่องจากมีความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ดังนั้นขณะนี้ที่ปรึกษารวบรวมความเห็นต่างๆ นำไปปรับปรุงทีโออาร์ รวมกับ ความต้องการใช้พื้นที่ของการบินไทย พิจารณาร่วมกัน หลักการ หากได้ข้อสรุปในก.ย.-ต.ค.นี้ จะรวมพื้นที่เชิงพาณิชย์ และดิวตี้ฟรี ของอาคารผู้โดยสารหลังที่2 เปิดประมูลพร้อมกับพื้นที่อาคารปัจจุบันและอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 แต่หากรายละเอียดในอาคาร 2 ปริมาณพื้นที่ใช้สอย และการใช้พื้นที่ของการบินไทยยังไม่ได้ข้อสรุปและดูจะยืดเยื้อ อาจจะแยกพื้นที่ของอาคาร 2 ไปประมูลต่างภายหลัง

สำหรับการจัดตั้งจุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรี (Pick Up Counter) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีหลายโมเดล ที่ต้องพิจารณาเลือกเพื่อให้เหมาะสมที่สุดทั้ง เปิดประมูลแบบสัญญาเดียว แต่ผู้ชนะต้องเปิดให้เอกชนหลายรายใช้ร่วมกัน (Common Use) หรือ แบบให้ผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากร ในเมืองทุกรายเช่าพื้นที่ (Single Use) หรือ จะเป็นแบบ Single Use ผสมกับ จัดพื้นที่ 1 จุดเป็นแบบ Common Use เพื่อรองรับรายใหม่ๆที่มาทีหลัง โดยหลักการจะต้องเปิดกว้าง ซึ่งทอท.จะไม่ทำเองเพราะมีข้อจำกัด ในการจัดเก็บสินค้าและการจัดส่ง ทอท.เป็นผู้ให้บริการสนามบิน ดูด้านบริการและความปลอดภัย โดยจะดำเนินการเรื่อง Pick Up Counter หลังได้รู้ผู้ชนะการประมูลเรื่องดิวตี้ฟรีแล้ว เพื่อความรอบคอบ

*ดอนเมืองทะลัก เร่งขยายเฟส 3 แก้ปัญหาแออัด

นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ทอท.กล่าวว่า จำนวนผู้โดยสารดอนเมืองปี 61 คาดว่าจะมากกว่า 40 ล้านคน สูงกว่าปี 60 ที่มีผู้โดยสาร 37 ล้านคน โดยปีนี้ ผู้โดยสารระหว่างประเทศเติบโตสูงมาก 10-20% ขณะที่ผู้โดยสารในประเทศโตเพียง 3-4% ขณะที่ขีดความสามารถอาคารผู้โดยสารรองรับได้ที่ 30.5 ล้านคน โดยมีแผนพัฒนาดอนเมืองระยะที่ 3 (63-67) วงเงินลงทุน 37,590.246 ล้านบาท และการก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารบริเวณลานจอดสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (Association of Thai Travel Agents : ATTA) สนามบินดอนเมือง งบประมาณ 207,106,739 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาความคับคั่งในระยะสั้น อยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้าง คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จให้ทันช่วงเทศกาลปีใหม่ 62

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ทอท.มีมติเห็นชอบแผนปรับปรุงแก้ไขปัญหาความแออัดระยะสั้น และระยะกลาง เพื่อช่วยบรรเทาความแออัดบริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกในช่วงเทศกาลที่จะมีผู้โดยสารจำนวนมาก โดยจะมีการก่อสร้างอาคารบริการผู้โดยสารบริเวณลานจอดสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว : ATTA) สนามบินดอนเมือง งบประมาณ 207,106,739 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาความคับคั่งในระยะสั้น

การขยายห้องโถง Bus Gate พื้นที่ประมาณ 950 ตารางเมตร สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ การขยายพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก อีกประมาณ 220 ตารางเมตร พร้อมติดตั้งเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง (ทั้งขาเข้าและขาออก) อีก 20 ช่องตรวจ เพิ่มการรองรับได้จาก 2,000 คน/ชม. เป็น 3,000 คน/ชม. งบลงทุนประมาณ 5-6 ล้านบาท ปรับปรุงห้องน้ำและเพิ่มเป็น 3,000 ห้อง วงเงิน 80 ล้านบาท แล้วเสร็จต้นปี 62 และการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ที่จะสามารถรองรับรถยนต์ได้เพิ่มอีก 2,000 คัน

โดยในส่วนของอาคารบริการผู้โดยสารบริเวณลานจอด ATTA เป็นอาคารโครงสร้างเหล็ก 2 ชั้น สูงประมาณ 20 เมตร มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,300 ตารางเมตร แบ่งเป็น ชั้น 1 เพดานสูงประมาณ 8.70 เมตร มีพื้นที่ใช้สอย 2,700 ตารางเมตร เป็นพื้นที่รอขึ้นรถบัส และพื้นที่พักรอผู้โดยสาร พร้อมที่นั่งพักคอย 400 ที่นั่ง และห้องน้ำ 2 จุด บริเวณด้านหน้าอาคารเป็นช่องจอดรถบัส 16 คัน ส่วนชั้น 2 มีพื้นที่ใช้สอย 3,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่พักรอผู้โดยสารทั้งหมด ซึ่งเชื่อมต่อกับชั้น 3 ของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 มีที่นั่งพักคอย 400 ที่นั่ง ห้องน้ำ 2 จุด และเคาน์เตอร์คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) จำนวน 7 ช่องตรวจ

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ทอท.ยังได้มีมติเห็นชอบโครงการพัฒนา ทดม.ระยะที่ 3 วงเงินลงทุน 37,590.246 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มปี 2563-2567 วงเงินลงทุน 37,590.246 ล้านบาท ขยายขีดความสามารถเป็น40 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี โดยจะมีการรื้ออาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (หลังเดิม) พร้อมอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6 เพื่อก่อสร้างเป็นอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ 18 ล้านคนต่อปี หลังจากนั้น จะปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่ออาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 และอาคาร 2 แล้วเสร็จจะรองรับผู้โดยสารภายในประเทศรวม 22 ล้านคนต่อปี จะเพิ่มหลุมจอดเป็น 142 หลุมจอด และติดตั้งสะพานเทียบเครื่องบินเพิ่ม 11 ชุด รวมทั้งเพิ่มที่จอดรถยนต์ จาก 4,475 คัน เป็น 5,736 คัน

*ขยายสนามบินภูเก็ตเฟส 2 และ เฟส 3 หวังรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีกเท่าตัว

เรืออากาศโท สัมพันธ์ ขุทรานนท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต (สายปฏิบัติการและบำรุงรักษา) ทอท. กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้โดยสาร 17-18 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโครงการพัฒนา ได้แก่การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนก.ย.59 การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ โดยได้ปรับปรุงเสร็จแล้วและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิ.ย.61 รองรับผู้โดยสารได้ 12.5 ล้านคนต่อปี โดยสามารถรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศในชั่วโมงคับคั่งได้สูงสุด 4,800 คนต่อชั่วโมง และรองรับผู้โดยสารภายในประเทศในชั่วโมงคับคั่งได้สูงสุด 2,400 คนต่อชั่วโมง

ส่วนด้านกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ได้จัดสรรพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ภายใน อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศพื้นที่ประมาณ 5,900 ตารางเมตร โดยมีการแบ่งการบริหารจัดการพื้นที่เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ (1) การให้สัมปทานรายเดียว (Master Concessionaire) มีบริษัทเอกชนประกอบกิจการโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์บนพื้นที่ประมาณ 2,800 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ส่วนที่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม พื้นที่ร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก พื้นที่ให้บริการของผู้ประกอบการโรงแรมและร้านค้า และพื้นที่ให้บริการทางด้านการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตรา

และ (2) การบริหารจัดการพื้นที่โดย ทอท.บนพื้นที่ประมาณ 3,100 ตารางเมตร ประกอบด้วย ร้านจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) ห้องพักรับรอง (Lounge) พื้นที่ให้บริการรับฝากกระเป๋า (Left Luggage) พื้นที่ให้บริการรถเช่า พื้นที่ให้บริการรถยนต์รับส่งผู้โดยสาร (Limousine) รถยนต์รับจ้างสาธารณะ รถแท็กซี่ พื้นที่ให้บริการเคาน์เตอร์รับสินค้าปลอดอากร (Pick-up Counter) และพื้นที่สำหรับการให้บริการด้านการสื่อสาร

ส่วนโครงการพัฒนา สนามบินภูเก็ตระยะที่ 2 (61 – 65) โดยเป็นการต่อทางขับขนานสาย P และขยายความยาวทางวิ่ง 27 เพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินจากปัจจุบันที่รองรับได้ 20 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เพิ่มเป็น 25 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนั้น จะมีการขยายหลุดจอดอากาศยานเพิ่มเป็น 28 หลุมจอด แบ่งเป็นหลุมจอดประชิดอาคาร 11 หลุมจอด และหลุมจอดระยะไกล 17 หลุมจอด ขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี

ขณะเดียวกัน ทอท.จะดำเนินโครงการพัฒนา ระยะที่ 3 (ดำเนินการระหว่างปี 2562 – 2568) ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะปรับปรุงหลุมจอดอากาศยาน เพิ่มเป็น 37 หลุมจอด แบ่งเป็นหลุมจอดประชิดอาคาร 19 หลุมจอด และหลุมจอดระยะไกล 15 หลุมจอด การขยายอาคารผู้โดยสารภายในประเทศให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เป็น 25 ล้านคนต่อปี

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาดังกล่าวเป็นการพัฒนาจนเต็มขีดความสามารถภายในพื้นที่ของ สนามบินภูเก็ตแล้ว ดังนั้น ทอท.ได้พิจารณาแนวทางก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่เพื่อรองรับปริมาณจราจรทางอากาศในอนาคต คือ พื้นที่ในจังหวัดพังงา (ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง) ห่างจาก ทภก.ประมาณ 20 กิโลเมตร คาดว่าจะมีพื้นที่ประมาณ 7,000 - 8,700 ไร่ ให้บริการเที่ยวบินภายใน ประเทศเป็นหลัก และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 15 ล้านคนต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ