PTG แจงปรับกลยุทธ์หันเน้นทำเลตั้งปั๊มกทม.-ปริมณฑลหนุน synergy นอนออยล์พร้อมผลักดันเพิ่มรายได้ทุกทาง,ยันไม่มีซื้อหุ้นคืน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 28, 2018 12:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี (PTG) ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลังลดคันเร่งเพิ่มจำนวนปั๊มน้ำมัน หันเน้นเลือกทำเลตั้งเหมาะสมหนุนการสร้างรายได้ธุรกิจนอนออยล์ให้เติบโต โดยเฉพาะในเขต กทม.-ปริมณฑล แต่ยังคาดเป้าหมาย 2 พันปั๊มที่เลื่อนไปจากปีนี้จะได้เห็นแน่นอนในปีหน้า

ขณะเดียวกันก็จะผลักดันขยายแบรนด์นอนออยล์รอบทิศทางเพื่อยกระดับไปสู่สากลเพื่อที่เป็นยอมรับในระดับต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าหาซื้อกิจการหรือร่วมทุนจากเงินทุนที่มีพร้อมรองรับอยู่ราว 400-500 ล้านบาท คาดไตรมาส 4/61 สรุปร่วมทุนธุรกิจก๊าซหุงต้ม ทั้งนี้ เพื่อผลักดันสัดส่วนกำไรสุทธิของกลุ่มนอนออยล์เพิ่มขึ้นไปที่ 15% ภายในในปี 62

นอกจากนั้น ยังปฏิเสธข่าวลือ โดยระบุว่าบริษัทไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เพราะมั่นใจผลงานในอนาคตดีขึ้นจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยืนยันไม่คิดขายหุ้นออกไปแน่นอน

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนเปิดสาขาสถานีบริการน้ำมันและก๊าซแอลพีจีให้เป็น 1,900 สาขา ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 2,000 สาขา โดยจะหันมาเน้นการขยายสาขาเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น ในกทม.และปริมณฑล เนื่องจากบริษัทเห็นแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากปริมาณการขายที่เติบโต 14% มากกว่าอัตราการเติบโตของภาพรวมที่ 8% ดังนั้น บริษัทจึงวางแผนขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความรับรู้ในแบรนด์ให้ครอบคลุมกลุ่มคนเมืองมากขึ้น

ณ สิ้นเดือน ก.ค.61 บริษัทมีสถานีบริการน้ำมัน PT ทั้งสิ้น 1,830 แห่ง โดยมีสัดส่วนในภาคอีสานสูงสุดที่ 32% รองลงมาเป็นภาคเหนือ 21% ภาคตะวันตก 13% ภาคใต้ 12% ภาคกลาง 6% ขณะที่ใน กทม.อยู่ที่ 7%

"เราอยากให้ธุรกิจออยล์ และนอนออยล์ synergy ด้วยกัน เงินเรามีจำกัดเราต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง...ในอดีตต้นทุนการเปิดปั๊มใน กทม.สูงกว่าในต่างจังหวัดหลายเท่า แต่เดี๋ยวนี้ต่างกันไม่มากแล้ว เพราะต้นทุนในต่างจังหวัดแพงขึ้น เราจึงเลือกลงทุนในทำเลที่ให้ผลตอบแทนสูงก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ปีหน้าได้เห็นจำนวนปั๊มทะลุ 2,000 แห่งแน่นอน"นายรังสรรค์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มการให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจนอนออยล์ ด้วยการวางแผนขยายจำนวนสาขาของธุรกิจนอนออยล์ ให้อยู่ที่ 500 สาขา ซึ่งรวมร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร, ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck และสำหรับรถยนต์ Autobacs โดยมีเป้าหมายจะผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์

นายรังสรรค์ กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์เพิ่มขึ้นเป็น 15% ในปี 62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาค่าการตลาดน้ำมัน โดยจะขยายตลาดทุกแบรนด์ในมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น แบรนด์คอฟฟี่เวิลด์ ซึ่งได้สิทธิการขยายสาขาในต่างประเทศ ก็เตรียมปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ในปีหน้า, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร หรือข้าวแกงรามา ซึ่งในอดีตเคยได้รับความนิยมในฐานะข้าวกล่องบนรถไฟ ก็จะฟื้นมาทำตลาดส่งออก เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังมองหาโอกาสที่จะหาซื้อกิจการหรือร่วมทุนในธุรกิจนอนออยล์ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในไตรมาส 4/61 จะมีข้อสรุปการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรในธุรกิจก๊าซหุงต้ม โดยขณะนี้บริษัทมีเงินทุนสนับสนุนสำหรับการลงทุนดังกล่าวราว 400-500 ล้านบาท

"ตอนนี้เราเน้น resource ไปที่นอนออยล์ จากเดิมอยู่ที่ออยล์ บริษัทมองว่าการลงทุนในธุรกิจนอนออยล์ต้องใช้เวลา แต่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ และเพิ่มศักยภาพให้กับสถานีบริการน้ำมันในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทพิจารณาทุกการลงทุนอย่างระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี"นายรังสรรค์ กล่าว

ในส่วนของโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ในขณะนี้เริ่มการรับรู้รายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/61 แล้ว และคาดกำไรโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ในปีนี้จะอยู่ที่ 40 ล้านบาท

นายรังสรรค์ ยังชี้แจงกระแสข่าวลือที่ระบุว่าบริษัทเตรียมพิจารณาซื้อหุ้นคืน หลังจากราคาหุ้น PTG ปรับตัวลดลงมามากในช่วงนี้ โดยนายรังสรรค์ ยืนยันว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืน เพราะมีแผนงานที่จะต้องขยายการลงทุนอีกมาก และเชื่อว่าจากแผนงานดังกล่าวจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในที่สุด ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยืนยันว่าไม่คิดจะขายหุ้นในมือออกไปแน่นอน


แท็ก (PTG)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ