AMATA บวก 1.49% โบรกฯเชียร์"ซื้อ"เล็งแรงหนุนจากคืบหน้าโครงการใน EEC,แผนลงทุนในเมียนมา-ลาวสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 29, 2018 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น AMATA ราคาขยับขึ้น 1.49% มาอยู่ที่ 20.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท มูลค่าซื้อขาย 252.60 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.57 น. โดยเปิดตลาดที่ 20.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 20.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 20.10 บาท

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) ให้ราคาพื้นฐาน 23.50 บาท บริษัทยังเชื่อมั่นเป้ายอดขายปี 2561 ที่ 925 ไร่หลังทำยอดขายได้ 40% แล้วในปัจจุบัน จากเพียง 17% ในช่วงครึ่งปีแรก โดยความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโอกาสเกิดการเลือกตั้งในปี 2561 เป็นส่วนสนับสนุนสำคัญ

นอกจากนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่อยู่ในระดับสูงก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงความต้องการลงทุนไปยังเวียดนามซึ่ง AMATA มีการลงทุนอยู่เช่นกัน อีกทั้งธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำทั้งในประเทศไทยและเวียดนามก็มีทิศทางเติบโตตามจำนวนโรงงานที่เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นแผนการลงทุนใหม่ในเมียนมาและลาว ที่คาดจะประกาศรายละเอียดได้ภายในปีนี้จะเป็นส่วนสร้างโอกาสการเติบโตในระยะยาวรวมถึงมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท

ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น AMATA แม้บริษัทมีแนวโน้มในการขยายธุรกิจเข้าสู่เมียนมา และลาว แต่มองว่าบริษัทจะต้องอาศัยระยะเวลาในดำเนินงานนี้ รวมทั้งยอด Pre-sale ในปี 2561 ที่ยังทรงตัว ก่อนที่จะดีขื้น อย่างเด่นชัดในปี 2562 จาก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่หนุนให้เกิดการศึกษาดูงานของนักลงทุนต่างประเทศ และมีแนวโน้มลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่ม S-Curve รวมทั้งความชัดเจนทางการเลือกตั้งที่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และมั่นใจในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ

ทั้งนี้ มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาในช่วง 6 เดือนเกิดจากยอด Pre-sale ที่น้อยกว่าคาด โดย ณ ปัจจุบัน AMATA ยังเทรดอยู่ที่ 2561PBV 1.4x ต่ำกว่า 9Yr Avg. PBV พร้อมให้ราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 24.00 บาท (อิงวิธี SOTP) หรือคิดเป็น 2562PBV ที่ 1.5x เทียบเท่า 9Yr Avg. PBV

โดยยังมีมุมมองเป็นกลางสำหรับผลดำเนินงานปี 2561 โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถโอนที่ดิน และรับรู้รายได้ในปี 2561 จำนวน 397 ไร่ (H1/61 อยู่ที่ 178 ไร่) ทั้งนี้จากยอด Pre-sale ที่ต่ำในช่วงที่ผ่านมา H1/61 ที่ 159 ไร่ และ ณ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่ดินสะสมอยู่ที่ประมาณ 370 ไร่ (รวมรายการ LOI ที่ลูกค้าแสดงเจตจำนงค์ในการซื้อที่ดิน และจ่ายเงินมัดจำบางส่วน โดยปกติรายการนี้จะไม่รวมอยู่ในยอด Pre-sale) จึงมองว่ายอดขายที่ดินที่สะสมนี้สูงกว่าที่ควร และคาดว่าจะสามารถรับรู้เป็น Pre-sale ได้ใน Q4/61 รวมทั้งการรับมอบที่ดิน Long Thanh และการขอใบอนุญาตในการดำเนินงานของนิคม Bien Hoa เฟสสุดท้ายจำนวน 20 Ha ที่ล่าช้าจากกำหนดการเดิมของบริษัท จึงคงประมาณการ Pre-sale ปี 2561 ที่ 400 ไร่

นอกจากนี้ มองว่าจากยอด Pre-sale ที่ต่ำในปี 2561 ส่งผลให้ประมาณการยอดโอนขายที่ดินในปี 2562 ภายใต้ความระมัดระวังอยู่ที่ 375 ไร่ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในปีถัดไป ตามยอด Pre-sale ที่จะเพิ่มอย่างเด่นชัดในปี 2562 คาดที่ 700 ไร่ จากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น ภายหลังความชัดเจนด้านการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์, อาหาร และเคมีที่สนใจ และมีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกเหนือจากธุรกิจขายที่ดินในนิคม มองว่ารายได้จากสาธารณูปโภคจะดีขึ้นคาด +8%YoY โดยเฉพาะความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นตามการ COD โรงไฟฟ้าครบทั้ง 10 แห่งในปี 2561 ทั้งนี้บริษัทได้จะ COD โรงไฟฟ้า ABPR5 เป็นแห่งสุดท้ายในเดือน ต.ค. นี้ และจะทยอยปิดซ่อมแซมบำรุงโรงไฟฟ้าจำนวน 4 แห่งใน H2/61 ในขณะที่มองว่ารายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น และ Occupancy Rate ที่สูง จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 1.54 พันล้านบาท ขยายตัว 9% จากรายได้ยอดขายที่ดินที่ยังทรงตัว ในขณะที่ธุรกิจอื่นดีขึ้นส่งผลให้คาดว่าสัดส่วนรายได้ Recurring Income จะสูงขึ้นที่ 65% (จากปีก่อนที่ 54%)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ