ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,691.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด (+0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 32,991.37 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,692.16 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,680.50 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 482 หลักทรัพย์ ลดลง 651 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 524 หลักทรัพย์
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ เป็นไปตามปัจจัยลบในต่างประเทศ โดยเฉพาะความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเรายังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา
ส่วนการที่ดัชนีปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงบ่ายน่าจะมาจากการเก็งกำไรในหุ้นรายตัว จากปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่างหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ก็มีการเก็งปัจจัยผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และหุ้น DTAC ที่ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่า DTAC อาจได้รับการเยียวยาคลื่น 850 MHz ก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย.นี้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่มึความเสี่ยง หากสหรัฐมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม
แนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯน่าจะไปไหนได้ไม่ไกล พร้อมให้แนวรับ 1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด โดยแนะจับตาการประกาศรายชื่อกลุ่มสินค้าที่สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเติม ซึ่งประเทศไทยอาจได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว และการผ่อนคลายทางการเมือง หรือการปลดล็อคกิจกรรมพรรคการเมืองในสัปดาห์นี้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,431.00 ล้านบาท ปิดที่ 19.30 บาท ลดลง 0.40 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,702.96 ล้านบาท ปิดที่ 50.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,504.91 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,344.59 ล้านบาท ปิดที่ 137.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,207.67 ล้านบาท ปิดที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท