ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,679.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.97 จุด (+0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 59,725.04 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,680.54 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,666.07 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 494 หลักทรัพย์ ลดลง 741 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 501 หลักทรัพย์
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะแกว่งแคบในแดนลบ ทั้งนี้เป็นผลจากตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ขึ้นนำตลาดฯหลังจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ประเด็นสงครามการค้าก็ยังไม่มีพัฒนาการในทางลบเพิ่มอีกหลังจากที่จีนจะขออำนาจคว่ำบาตรสหรัฐในการประชุมคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) ในวันที่ 21 ก.ย. นอกจากนี้ในทางเทคนิคดัชนีฯก็ยังไม่หลุดแนว 1,665 จุด ซึ่งเป็น Low เดิมของรอบที่แล้ว ทำให้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์
สำหรับปัจจัยในประเทศก็รอดูความคืบหน้าของการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญการได้มาซึ่งส.ว. ถ้าประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ก็จะเป็นผลดีต่อหุ้นจำพวก Domestic Plays
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะรีบาวด์ต่อได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของสงครามการค้าด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,665-1,670 จุด ส่วนแนวต้าน 1,690-1,700 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,495.42 ล้านบาท ปิดที่ 49.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,670.17 ล้านบาท ปิดที่ 62.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,843.50 ล้านบาท ปิดที่ 65.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,716.95 ล้านบาท ปิดที่ 55.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,603.73 ล้านบาท ปิดที่ 10.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง