BKD-W2 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.32 บาท มูลค่าซื้อขาย 46.76 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.50 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.59 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.32 บาท
ขณะที่หุ้น BKD ปิดที่ 3.18 บาท ลดลง 0.02 บาท (-0.63%) มูลค่าซื้อขาย 6.06 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.20 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 3.24 บาท และราคาลงต่ำสุด 3.16 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.บางกอก เดค-คอน (BKD) ครั้งที่ 2 ใช้ชื่อย่อว่า BKD-W2 ที่ 0.18 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 3.20 บาท และความผันผวนของหุ้นที่ 16% คิดเป็น All-in Premium ที่ +30.5% ด้านผู้ได้รับ BKD-W2 มีต้นทุนจากการขึ้นเครื่องหมาย XW 0.24 บาท (ผลกระทบจากการขึ้นเครื่องหมาย XW หุ้นละ 0.08 บาท) ด้วยสถานะที่ Out of The Money 20% สำหรับราคาใช้สิทธิที่ 4.00 บาท แต่ด้วยความผันผวนของหุ้นแม่ที่ต่ำมาก (Volatility ไม่ถึง 20%) และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของหุ้นแม่เฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือนที่ 2.4 ล้านบาท ทำให้มองว่า BKD-W2 จะขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย และด้วยราคาใช้สิทธิที่เพิ่มขึ้นในปี 2563 เป็นต้นไป ปีละ 0.50 บาท เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการประเมินมูลค่าของ BKD-W2 และทำให้ BKD-W2 ขาดความน่าสนใจในการลงทุนและเก็งกำไร
พร้อมให้กรอบมูลค่าของ BKD-W2 ไว้ที่ 0.15-0.20 บาท เมื่อราคาหุ้น BKD เคลื่อนไหวในกรอบ 3.10-3.30 บาท โดยมี Volatility 16% per year
BKD ประกอบธุรกิจ 1) รับเหมาตกแต่งภายในอาคาร ประเภทคอนโดมิเนียม โรงแรม สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานที่ราชการ 2) ผลิตและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปตามคำสั่งซื้อลูกค้า
BKD-W2 จำนวนที่ออก 358.7 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 4.00 บาท ในปี 2561 – 2562 และเพิ่มขึ้นปีละ 0.50 บาท โดยสามารถใช้สิทธิได้ในวันทำการสุดท้ายของเดือน พ.ย. (โดยใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 พ.ย. 2561 และครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 พ.ย. 2565)