(เพิ่มเติม) "สตอเรจ เอเชีย"เล็งระดมทุนผ่าน LiVE platform ปีนี้หนุนขยายธุรกิจ i-Store Self Storage พร้อมมีแผนเดินหน้าเข้า mai

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 14, 2018 14:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้นำการให้บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน (Self-Storage) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนเตรียมจะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผ่าน LiVE platform ในการระดมทุนในรูปแบบคราวด์ฟันดิ้งและการซื้อขายหลักทรัพย์ในรูปแบบเจรจาต่อรอง (Over The Counter: OTC) ซึ่งเป็นการซื้อขายที่เรียกว่าระบบนอกตลาด โดยเป็นการตกลงกันเองระหว่างผู้ลงทุนโดยชำระราคาและส่งมอบกันนอกระบบตลาด คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในภายในปีนี้

"บริษัทวางแผนเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผ่าน LiVE platform ซึ่งเป็น 1 ใน 8 บริษัทแรกที่ผ่านเกณฑ์ของตลาดฯ เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจ ซึ่งบริษัทมีแผนในการขยายพื้นที่ในสาขาเดิม 1 แห่ง และขยายสาขาผ่านแฟรนไชส์ 2 แห่งในปี 62 โดยสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเปิดแฟรนไชส์นั้นบริษัทประเมินว่าสามารถใช้เวลาคืนทุน 3.5-4 ปี"นายภักดี กล่าว

ขณะนี้มีนักลงทุนสถาบันสนใจเข้าลงทุนกับบริษัทผ่าน LiVE platform แล้วจำนวน 2-3 ราย อีกทั้งยังมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) และนักลงทุนรายย่อยสนใจเข้าลงทุนด้วย เป็นผลจากการจัดงาน Start UP THAILAND เมื่อกลางปีนี้ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีการประกาศเสนอขายอย่างเป็นทางการ (public)

พร้อมกันนั้น บริษัทตั้งเป้าว่าในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อขยายธุรกิจในอนาคต มองว่าบริษัทจะเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ในตลาดทุนไทย

ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจ Self-Storage ในประเทศไทย เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ตามไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ ที่นิยมอาศัยอยู่ในย่านกลางเมือง พร้อมกับผู้ประกอบการด้านการค้าออนไลน์ และกิจการรูปแบบอื่นๆ ที่มีความต้องการใช้บริการเช่าพื้นที่เก็บของหรือสต็อกสินค้า

กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท มีการเน้นให้บริการในลูกค้ากลุ่มที่พักอาศัย ขณะเดียวกันยังเห็นโอกาสเติบโตจากความต้องการในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในการ stock สินค้า และยังมีความสนใจในการหาช่องทางขยายไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีของสะสมด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะมีการออกโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุม

สำหรับภาพรวมตลาด Self-Storage ปี 61 บริษัทประเมินว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรพย์ ขณะที่ปัจจุบันตลาดพื้นที่เช่าเก็บของในไทยมีพื้นที่รวมอยู่ที่ประมาณ 15,000 ตร.ม.และคาดว่ามูลค่าตลาดพื้นที่เช่าเก็บของในไทยอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 ตร.ม.ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ให้บริการอยู่ที่ประมาณ 2,500 ตร.ม.โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 30%

ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการตลาดแนะนำบริการ "i-Store" กับกลุ่มลูกค้าที่มีบ้าน คอนโดมิเนียม และกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ อีกทั้งได้มีการเปิดสาขาให้บริการแล้ว 2 แห่งที่สีลม และสุขุมวิท 24 ซึ่งในช่วงต่อจากนี้บริษัทจะขยายงานในส่วนต่างๆ ทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายปีหน้าเปิดสาขาให้บริการ i-Store ทั่วกรุงเทพฯ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) อีกจำนวน 3 แห่ง และมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท

สำหรับแนวทางการตลาดในปีนี้บริษัทจะเน้นการสื่อสารให้แบรนด์ i-Store เป็นที่เชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค พร้อมทั้งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความคุ้มค่าของการเลือกใช้บริการเช่าพื้นที่เก็บของที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ทั้งหมด 4 บริการ ประกอบด้วย บริการห้องเก็บของส่วนบุคคล, บริการห้องเก็บของสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ, บริการห้องเก็บไวน์ และบริการ BOX STORAGE โดยมีขนาดห้องตั้งแต่ 0.5 ตร.ม. จนถึง 18 ตร.ม. และมีระดับราคาของทั้ง 4 บริการอยู่ระหว่าง 900-20,000 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขยายฐานผู้ใช้บริการโดยร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดย i-Store ได้ร่วมมือกับ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ให้ลูกบ้านของ SIRI สามารถเลือกใช้บริการของ i-Store ผ่าน Application HOME SERVICE 2.0 บน ฟีเจอร์ SANSIRI MOVE-IN EXPERIENCE ในกลุ่ม MOVING บริการให้เช่าห้องเก็บของ (Self-Storage) และ กลุ่ม EASY LIVING บริการให้เช่าห้องเก็บไวน์ (Wine Storage) พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษที่เหนือกว่าให้กับลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ คาดว่าแคมเปญนี้จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกบ้านของแสนสิริ ที่ i-Store จะเป็นตัวช่วยให้ลูกบ้านมีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน หรือคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้น

"บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโลจิสติกส์จำนวน 3 ราย คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนก.ย.61 จำนวน 1 ราย เพื่อเปิดให้บริการเป็นจุดรับฝากสินค้า"นายภักดี กล่าว

นายภักดี กล่าวต่อไปว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์เพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดรูปแบบและรายละเอียดในการลงทุน คาดว่าจะเริ่มเปิดขายแฟรนไชส์ได้ภายในช่วงไตรมาส 4/61 ปัจจุบันได้เริ่มให้ข้อมูลกับผู้สนใจแล้วหลายราย โดยกลุ่มผู้สนใจมีทั้งที่มีความคุ้นเคยในธุรกิจพื้นที่เช่าอาคารสำนักงาน รวมถึงมีแหล่งเงินทุนพร้อมอยู่แล้ว และกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่มีประสบการณ์ แต่มี Asset และต้องการร่วมธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์ ทั้งนี้ บริษัทมองว่าตลาด Self Storage มีแนวโน้มการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นถึง 15 ราย จากปีก่อน 5 ราย โดยบริษัทมีแนวทางการดำเนินธุรกิจในการเน้นขยายในทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพสูงเพื่อสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุม ประกอบกับการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการ โดยบริษัทมีการใช้งบลงทุนเฉลี่ยเดือนละ 1 แสนบาทในการทำการตลาดผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย อาทิ Facebook และการซื้อคำค้นหาผ่าน Google เนื่องจากต้องการเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการเป็นหลัก ซึ่งใช้งบประมาณที่น้อย แต่มีประสิทธิภาพสูง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ