นายวัชรพงศ์ ลีโทชวลิต หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 20% มาที่ 3.5 พันล้านบาท หลังครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1.68 พันล้านบาท เป็นไปตามการเพิ่มกำลังการผลิตสื่ออย่างต่อเนื่องราว 10-15% ต่อปี โดยเฉพาะในสื่อดิจิทัลนอกที่อยู่อาศัย (Digital Out of Home) ขณะเดียวกันก็คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ รายได้น่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่จะมีอัตราการใช้สื่อเพิ่มมากขึ้นหรือสูงกว่า 75% หนุนทั้งปีนี้จะอยู่ระดับเฉลี่ย 74-77% จากครึ่งปีแรกมีอัตราการใช้สื่ออยู่ที่ 71%
ทั้งนี้ มองภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมใน 8 เดือนแรกของปีนี้ ยังคงติดลบ 0.5% แต่การให้บริการสื่อนอกที่อยู่อาศัย เติบโตในระดับ 4% ส่วนบริษัทถือว่ามีการเติบโตกว่าอุตสาหกรรมอย่างมาก โดยธุรกิจสื่อนอกที่อยู่อาศัยในปีนี้ มีการลงทุนขยายจอดิจิทัลในครึ่งปีแรกไปแล้วจำนวน 20 จอ และในครึ่งปีหลังนี้จะขยายเพิ่มอีก 20-40 จอในกรุงเทพฯ และ 20 จอในต่างจังหวัด เพื่อรักษาพื้นที่ให้บริการ และป้องกันคู่แข่งเข้ามา
นอกจากนี้ธุรกิจให้บริการสื่อในห้างสรรพสินค้า ในปีนี้บริษัทได้เข้าไปลงทุนในห้าง ไอคอน สยาม ที่กำลังจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4/61 ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าไปเพิ่มมูลค่าให้กับห้างสรรสินค้ามากขึ้น อีกทั้งยังมีการขยายพื้นที่ให้บริการสื่อไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยได้เข้าลงทุนใน บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่งบริษัทได้รับสัมปทานยาวถึง 30 ปี คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตสื่อได้เพิ่มขึ้นในอนาคตตามการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ และยังมีการให้บริการสื่อภายในสนามบิน จากการร่วมลงทุนกับบริษัทอื่น จำนวน 5 บริษัท ซึ่งปัจจุบันมีการให้บริการแล้ว 31 สนามบินในทั่วประเทศ คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้อัตราการใช้สื่อในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้มีการเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในการร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์จัดแสดงงาน Color of Bangkok ซึ่งจะเริ่มเปิดแสดงในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ในเวลา 19.00 น. ของทุกวัน ซึ่งขณะนี้มียอดจองพื้นที่ทั้งปีแล้วกว่า 90-100% คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทปีละ 200 ล้านบาท
อีกทั้งยังได้ขยายธุรกิจไปสู่การเป็นออแกนไนซ์รับจัดงานอีเวนท์ให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการจัดการแข่งเกมส์ฟุตบอล (E-sport) ซึ่งจะเริ่มจัดในเดือนพ.ย.นี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยจะเริ่มเห็นรายได้เข้ามาอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันยังมีรายได้จากการรับบริหารสิทธิประโยชน์ให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ปีละ 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้รับเป็นค่าธรรมเนียมจากการดำเนินการ 22.5% ของรายได้ทั้งหมด หรือปีละราว 150-160 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากการเข้าไปซื้อหุ้นใน บริษัท บีเอ็นเค 48 จำกัด (BNK48) ในสัดส่วน 30% ซึ่งบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/61 เป็นต้นไป
นายวัชรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจการให้บริการสื่อนอกที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ปัจจุบันยังมีสัดส่วนรายได้ในระดับต่ำ หรือไม่ถึง 2% โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายพื้นที่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและอัตราการใช้สื่อในประเทศดังกล่าว จากปัจจุบันที่มีอัตราการใช้สื่ออยู่ที่ 70% อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่มีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นเพิ่มเติม
ส่วนงบลงทุนในปีนี้ บริษัทวางไว้ราว 800 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 600 ล้านบาท แบ่งเป็น 200-300 ล้านบาท ในการขยายจอ Digital Out of Home จากปัจจุบันที่มีจอในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 275 จอ และต่างจังหวัด 166 จอ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายขยายจอดังกล่าวเพิ่มในอีก 2 ปีข้างหน้า ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีก 100 จอ และในต่างจังหวัดเพิ่มอีก 60 จอ ส่วนที่เหลืออีก 400 ล้านบาท ที่บริษัทได้ใช้ไปแล้วนั้น เป็นการใช้ลงทุนในการจัดงาน Color of Bangkok หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์
ด้านแหล่งเงินลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดราว 400 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.27 เท่า ซึ่งทำให้บริษัทมีความสามารถให้การกู้ยืมได้อีกมาก เพื่อมารองรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 62 บริษัทมองว่าจะได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว จากการที่พรรคการเมืองต่าง ๆ จะมีการใช้สื่อในการหาเสียงเลือกตั้งมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนอัตราการใช้สื่อ และรายได้ของบริษัทในช่วงโลว์ซีซั่นเพิ่มขึ้น
นายวัชรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 63 เติบโตแตะ 5 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปตามการเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นในระดับ 80% และอัตราการใช้สื่อมากกว่า 80% ในอนาคต รวมถึงการหาธุรกิจอื่นเข้ามาเสริม หรือ เอ็นเกรดเม้น มาร์เก็ตติ้ง อย่างการเข้าลงทุนใน BNK48 และการเป็นผู้จัดงานไทยอีสปอร์ต (E-sport) เป็นต้น