(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้พักฐานตามตลาดภูมิภาคกังวลข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนบานปลาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 18, 2018 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะพักฐาน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. โดยสหรัฐจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 10% และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ แต่มีบางตลาดที่ยังบวกได้เล็กน้อย

อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.นี้ต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,710-1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,725-1,730 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,062.12 จุด ลดลง 92.55 จุด (-0.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.80 จุด ลดลง 16.18 จุด (-0.56%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,895.79 จุด ลดลง 114.25 จุด (-1.43%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 52.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.49 จุด, -0.28% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 86.52 จุด, -0.32% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 34.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 15.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 18.52 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 11.90 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ย.61) 1,718.39 จุด ลดลง 3.82 จุด (-0.22%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 306.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ย.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ก.ย.61) ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ย.61) ที่ 5.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.66 อ่อนค่าจากวานนี้ตามภูมิภาคจากแรงซื้อดอลล์ แต่มีแนวโน้มแข็งค่า รอผลกนง.พรุ่งนี้
  • รฟม.ชงเพิ่มโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพูเชื่อมสถานีศรีรัชเข้าเมืองทองธานี และสีเหลืองเชื่อมรัชดา-ลาดพร้าว-แยกรัชโยธิน บรรจุในแผนแม่บทขนส่งทางราง เผย คจร.จ่อเคาะอนุมัติสายสีเหลืองก่อน 19 ก.ย.นี้ ก่อนเดินหน้าเจรจาผลประโยชน์และส่วนแบ่งรายได้กับกลุ่มบีทีเอส ด้าน สนข. เสนอผลศึกษาแก้จราจรเมืองขอนแก่น ผุดรถไฟฟ้ารางเบา ส่วนพิษณุโลก เสนอแทรมป์ล้อยาง
  • "พาณิชย์"เดินหน้าเตรียมความพร้อม SMEs เข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 หรือ 4IR เผยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเข้ามามีบทบาท ทั้งในด้านการผลิต การบริโภค และการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทัน เตรียมดันเป็นประเด็นหลักในการเป็นประธานอาเซียนปี 62 หวังช่วย SMEs อาเซียนรับมือการเปลี่ยนแปลง
  • บอร์ด รฟท.ครั้งล่าสุดรับทราบความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-จีนเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางรวม 252.5 กิโลเมตร (กม.) วงเงินรวม 1.79 แสนล้านบาท โดยพิจารณางานก่อสร้างช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม.ประเมินใช้วงเงินก่อสร้าง 4 พันล้านบาท คาดประกาศร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ต้นเดือน ต.ค.61 นี้ เปิดประกวดราคาได้ในเดือน พ.ย.และลงนามสัญญาได้ในปลายเดือน ม.ค.62
  • พลังงานเดินหน้าประมูลปิโตรเลียม 25 ก.ย.นี้ ตามกำหนด ย้ำยังใช้รูปแบบพีเอสซี พร้อมเผยกรณีกองทุนอนุรักษ์ฯ ศาลปกครองเรียกดูข้อมูล ยันสัปดาห์นี้ได้ข้อสรุปผลสอบการใช้เงิน ด้าน "ศิริ" จ่อศึกษาวินด์ฟาร์มภาคเหนือ ฟุ้งช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวสร้างเงิน ขณะ พพ.เดินสายลงพื้นที่ดูแววเอกชนส่งชิงอาเซียนเอนเนอร์ยี่ อวอร์ด

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TPIPP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 8.2 บาท คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น (ส.ค.โรงไฟฟ้า TG7 กำลังการผลิต 70MW เริ่มการผลิต) ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูก PE 13 เท่าเทียบกับกลุ่มเฉลี่ยที่ 24 เท่า อีกทั้งจ่ายปันผลสม่ำเสมอให้ Yield 6-7%ต่อปี
  • TISCO (ฟินันเซีย) "ซื้อ"เป้า 98 บาท รายงานสินเชื่อเดือน ส.ค.ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่มีสัญญาณที่ดีขึ้นในกลุ่ม SME ที่ประกอบธุรกิจ Floor plan และสินเชื่อ retail ที่ไม่หดตัวลงแล้ว (HP flat แต่ Auto cash โตได้ดีขึ้น) เงินให้สินเชื่อ 8 เดือนแรกลดลง 5.35% YTD ส่วนใหญ่มาจาก repayment กลุ่มสินเชื่อธุรกิจใน H1/61 พร้อมคาดผลการดำเนินงานใน H2/61 จะดีกว่า H1/61 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษมากกว่าคาด ส่วนกำไรทั้งปี 61 คาด 7.1 พันลบ. (+16.7% Y-Y) และคาดปันผล 5.5% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง)
  • SGP (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ"เป้า 14.50 บาท เชื่อเป้าหมายปริมาณการขายของ SGP ในระดับ 3.5 ล้านตันในปี 61 เป็นไปได้เนื่องจากปริมาณการขายครึ่งปีแรกอยู่ในระดับ 47% ของยอดขายทั้งปี และตามปกติปริมาณการขายในครึ่งปีหลังจะอยู่ในระดับสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยเชื่อว่าผลประกอบการใน Q3/61 จะอยู่ในระดับ 900 ล้านบาท (+18% qoq, +6% yoy) จากเทรนด์ขาขึ้นของราคา LPG และการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายตามปัจจัยฤดูกาล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ