ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ BGRIM วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นลบ. ที่ระดับ "A-/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 21, 2018 14:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ที่ระดับ "A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" ด้วย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 1 ระดับเนื่องจากมีลักษณะการด้อยสิทธิทางโครงสร้าง (Structural Subordination) เมื่อเทียบกับเงินกู้ปัจจุบันของบริษัทย่อย

สำหรับเงินที่ได้จากออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทจะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนด ชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ของบริษัท และเงินกู้ยืมโครงการของบริษัทย่อย

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำในประเทศไทยของบริษัท ตลอดจนการกระจายตัวของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ความแน่นอนของกระแสเงินสดที่ได้รับจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และลูกค้าอุตสาหกรรม อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลงานของกลุ่ม บี.กริมในการบริหารโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซพลังความร้อนร่วม (Combined-cycle Gas Turbine) รวมถึงโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีหนี้สินอยู่ในระดับสูงในช่วงที่บริษัทกำลังขยายธุรกิจตามแผนกลยุทธ์

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 8.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 16,961 ล้านบาท รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 2 แห่งคือ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 จำกัด ซึ่งเปิดดำเนินงานเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 และ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 4 จำกัด ซึ่งเปิดดำเนินงานเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีเงินกู้รวม 57,405 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 68.91%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าการดำเนินงานโรงไฟฟ้าของบริษัทจะยังคงราบรื่นตามแผน โดยที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นตามการเปิดดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ อีกทั้งโครงสร้างเงินทุนก็คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากสถานะทางการเงินของบริษัทดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็อาจปรับลดลงได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากการก่อหนี้เพิ่มจำนวนมากสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ