PACE วางแผนปี 62 พัฒนาโครงการใหม่ 1 แห่ง มูลค่า 5,000-10,000 ลบ.เน้นกลุ่มไฮเอนด์ ชูนำนวัตกรรมสร้างความแตกต่าง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 21, 2018 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) เปิดเผยว่า การลงทุนโครงการใหม่ของบริษัทในปี 62 คาดว่าจะพัฒนาโครงการใหม่ได้ 1 โครงการ มูลค่า 5,000-10,000 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน พร้อมกับการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ แต่การลงทุนก็จะใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งจะต้องพิจารณาภาพรวมของตลาด การแข่งขันของคู่แข่ง และการหาสิ่งใหม่ที่มีความแตกต่างเข้ามา และมีรูปแบบโครงการที่ชัดเจน ซึ่งบริษัทจะเริ่มเดินหน้าการวางแผนพัฒนาโครงการอีกครั้งในช่วงต้นปี 62

สำหรับแหล่งเงินทุนที่รองรับการพัฒนาโครงการนั้น ในส่วนที่เป็นสินเชื่อ Project Finance บริษัทยังศักยภาพการขอเงินกู้ เนื่องจากการพิจารณาสินเชื่อ Project Finance ของธนาคารจะพิจารณาตามศักยภาพของทำเลการพัฒนาโครงการ ขณะที่ภาระหนี้สินของบริษัทปัจจุบันได้ลดลงมาอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่มีหนี้สินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทำให้พร้อมที่จะเริ่มการลงทุนใหม่ ๆ ได้

"ตอนนี้ PACE ก็แข็งแรงขึ้นเยอะ และได้ผ่านจุดที่น่าเป็นห่วงไปแล้ว และในปีหน้าเราก็มีรายได้เข้ามาจากการโอนคอนโดนิมิตร หลังสวน ทำให้เราก็เตรียมมองโอกาสในการกลับมาลงทุนโครงการใหม่ ๆ แต่คงจะไม่ใช่ขนาดใหญ่มาก ซึ่งก็ยังเน้นตลาดระดับไฮเอนด์อยู่ และเสริมนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างเข้ามาเป็นจุดเด่น"นายสรพจน์ กล่าว

นายสรพจน์ กล่าวว่า ด้านการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปี 62 คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาราว 8 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.04 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม นิมิตร หลังสวน ซึ่งมียอดขายแล้ว 6,900 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% คาดว่าจะเริ่มโอนในช่วงเดือนก.ค. 62 ส่วนที่ยังเหลือขายอีก 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 1,080 ล้านบาทนั้นจะเริ่มขายในช่วงโครงการเสร็จ ซึ่งเป็นห้องแบบเพนท์เฮาส์ที่เหลือ 3 ห้อง มีราคาขายอยู่ที่ 600,000 บาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากราคาขายช่วงพรีเซลที่ 300,000 บาท/ตารางเมตร

นอกจากนี้ในปีหน้าจะยังมีการโครงการคอนโดมิเนียม วินด์เชล นราธิวาส มูลค่า 3,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2/61 หรือไตรมาส 3/61 โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 792 ล้านบาท และยังเหลือขายอีก 2,200 ล้านบาท ส่วนโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนซ์ มียอดขาย 2,060 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/61 และส่วนที่เหลืออีก 301 ล้านบาท จะทยอยขายออกไป และโครงการมหาสมุทร วิลล่า มีวิลล่า 80 หลัง ที่สร้างเสร็จแล้ว ขายไปเพียง 20 หลัง หรือคิดเป็นมูลค่ายอดขาย 649 ล้านบาท และมียอดเหลือขาย 3,090 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ