ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,741.96 จุด ลดลง 6.13 จุด (-0.35%) มูลค่าการซื้อขาย 58,138.89 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,757.43 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,741.96 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 439 หลักทรัพย์ ลดลง 849 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 512 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยระยะกลางก็ยังต้องติดตามดูสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่จบ ทั้งนี้ วันนี้ตลาดฯเล่นเก็งกำไรเฉพาะกลุ่ม โดยในช่วงเช้าก็เล่นหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์หลังจากคลายความกังวลเกี่ยวกับเกณฑ์ใหม่ของแบงก์ชาติ และก็มีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี หลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงกลั่นในซาอุดิอาระเบีย ทำให้กระทบกำลังการผลิตโอเลฟินส์ ซึ่งหุ้น PTTGC จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ทำให้มีการเล่นเก็งกำไรขึ้นมาได้บ้าง และ PTTGC ยังได้รับผลดีจากราคาน้ำมันเร่งตัวขึ้นด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดหุ้นในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ ต่างก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน อย่างไร้ทิศทาง โดยยังต้องติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการเมืองในฝั่งยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลี ที่มีการตั้งงบประมาณขาดดุลมากเกินไป ส่วนบ้านเราก็รอดูแบงก์ชาติจะออกเกณฑ์คุมอสังหาริมทรัพย์อย่างไรบ้าง
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 ต.ค.) นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบในกรอบ ในช่วงรอปัจจัยใหม่เข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,735 จุด แนวต้าน 1,765 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
IVL มูลค่าการซื้อขาย 4,811.06 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,084.95 ล้านบาท ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,910.50 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท ลดลง 0.80 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,906.83 ล้านบาท ปิดที่ 82.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 1,868.75 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 2.25 บาท