(เพิ่มเติม) "โซนิค อินเตอร์เฟรท"เคาะราคา IPO 1.95 บาท/หุ้น จองซื้อ 8-10 ต.ค., คาดเทรด mai วันที่ 19 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 5, 2018 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขาย 1.95 บาท/หุ้น มูลค่ารวมของหุ้นใหม่ที่เสนอขาย 292.50 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาขายในวันที่ 8-10 ตุลาคม 2561 โดยบริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดว่าจะเข้าซื้อขายในวันที่ 19 ตุลาคมนี้

โซนิค อินเตอร์เฟรท ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค จะเสนอขายหุ้น IPO ต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 128 ล้านหุ้น, เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท และบริษัทย่อย 7 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 15 ล้านหุ้น

วัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งนี้ประมาณ 276.19 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายการเสนอขาย) ไปใช้ลงทุนโครงการต่าง ๆ ในปี 62 ได้แก่ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 20 ล้านบาท พัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า 60 ล้านบาท ซื้อที่ดินและอาคารสำหรับอาคารสาขา 60 ล้านบาท ซื้อรถขนส่งสำหรับธุรกิจขนส่งทางบก 60 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 76.19 ล้านบาท

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในเครือของบล.โกลเบล็ก ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ SONIC สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่เห็นถึงโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคตของบริษัทตามการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจส่งออกและนำเข้าของไทย รวมถึงความได้เปรียบในเชิงที่ตั้งของประเทศที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตสินค้าและใช้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกสินค้าในภูมิภาคนี้

ปัจจุบัน SONIC มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 290 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 580 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 200 ล้านบาท คิดเป็น 400 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น จัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป และอีก 30 ล้านหุ้น เป็นการออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย (ESOP Warrant) จำนวน 30 ล้านหน่วย ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิไม่เกิน 5 ปี โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของ SONIC และบริษัทย่อย พร้อมกับช่วงที่เสนอขายหุ้น IPO กำหนดอัตราการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิแปลงสภาพเท่ากับราคา IPO หรือ 1.95 บาท กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรกเมื่อครบกำหนด 2 ปี

นายเอกจักร กล่าวว่า SONIC จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยลงทุนเพิ่มจำนวนรถขนส่ง การพัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าให้มีความทันสมัย การซื้ออาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินงานสาขาแหลมฉบังและขยายพื้นที่ให้บริการขนส่งทางบก การพัฒนาระบบสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"หลังจาก SONIC ได้โรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นศักยภาพการดำเนินงานและเห็นโอกาสการเติบโตจากจุดแข็งทางธุรกิจของ SONIC ที่มีการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service รวมถึงแผนงานอนาคตที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น จึงมั่นใจว่าหุ้น IPO ของ SONIC จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน" นายเอกจักร กล่าว

ด้านสันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SONIC กล่าวว่า บริษัทมีจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์มานานกว่า 22 ปี โดยครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การเป็นตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลและทางอากาศ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุม 195 ประเทศทั่วโลก รวมถึงให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ ปัจจุบันมีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และการบริหารจัดการสินค้าที่อยู่ระหว่างรอการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและดำเนินการขนส่งได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่จุดรับสินค้าไปจนถึงจุดหมายปลายทาง (Door-to-Door)

ขณะเดียวกัน ยังให้บริการขนส่งสินค้าทางบกข้ามชายแดน (Cross-border transport) ไปยังประเทศกัมพูชา จึงทำให้บริษัทมีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีมากจากการให้บริการแบบ One-Stop-Service ที่ผสมผสานการให้บริการขนส่งหลายรูปแบบและต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

"เราต้องการผลักดันบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานที่จะเติบโตในอนาคต"นายสันติสุข กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ