(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนตัวลงตามตลาดภูมิภาค หลังปัจจัยนอกประเทศยังไม่เอื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 8, 2018 09:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงในทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ติดลบเล็กน้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังอยู่ในโซนแข็งค่าอยู่แต่ไม่มากเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯก็ยังอยู่ในระดับสูง แต่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯก็ออกมาไม่ดีเท่าไร ทำให้ลดแรงกดดันไปได้บ้าง ส่วนเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอยู่

ทั้งนี้ ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังจะทยอยประกาศออกมาในปลายสัปดาห์นี้ และให้ติดตามการประชุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ WORLD BANK ที่จะประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดฯคาดปรับตัวเลข GDP โลกลง อันเป็นผลจากการค้าโลก และให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,700-1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,735-1,750 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,447.05 จุด ร่วงลง 180.43 จุด (-0.68%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,788.45 จุด ลดลง 91.06 จุด (-1.16%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,885.57 จุด ลดลง 16.04 จุด (-0.55%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 53.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 145.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 49.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.64 จุด

ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการ เนื่องในวันเพื่อสุขภาพและการกิฬา

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ต.ค.61) 1,720.52 จุด ลดลง 8.88 จุด (-0.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 2,291.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ต.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ต.ค.61) ปิดที่ 74.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 1 เซนต์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ต.ค.61) ที่ 4.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.83 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 32.75-32.90
  • สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยจี้รัฐเร่งออกกฎหมายคุมการประเมินราคาบ้าน ย้ำเป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้เกิดช่องว่างเก็งกำไรที่อยู่อาศัย เปิดช่องผู้กู้สามารถขอกู้เงินสูงกว่ามูลค่าหลักประกันแท้จริงได้ กระทบต่อระบบสินเชื่อ อีกทั้งระบบ"แอลทีวี"ของไทยค่อนข้างอ่อน ให้วงเงินสูงถึง 90-95% ขณะต่างชาติให้เพียง 70-80% เท่านั้น
  • ทอท.เทงบลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 4 และเฟส 5 มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท รองรับผู้โดยสาร 150 ล้านคน
  • "ฟิทช์" จ่อคงเรทติ้งแบงก์ไทย มั่นใจเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ไร้ผลกระทบเกณฑ์ใหม่ธปท. เชื่อช่วยคุมความเสี่ยงได้ ประเมิน "เอ็นพีแอล" ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ส่งผลภาระตั้งสำรองลดลง
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการกำไรสุทธิของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาส 3 ที่ราว 4.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 7.7% YoY ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจาก 17.1% YoY ในไตรมาสที่ 2/2561 ขณะเดียวกัน ก็ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 9.1% โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนสำรองฯ และภาษี) ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนได้ราว 9.4 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นอัตรากำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและระยะเดียวกันของปีก่อนหน้าราว 2.0%
  • "พาณิชย์" เผยราคาเหล็กปรับตัวลดลง หลังเหล็กสำเร็จรูปส่วนเกินล้นตลาดโลก แถมช่วงนี้ฝนตกเป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้าง ยิ่งฉุดให้ราคาลง เหมาะที่จะซ่อมแซมบ้าน สร้างบ้านใหม่ แต่หลังจากนี้ ราคามีแนวโน้มขึ้นต่อ หลังจีนมีแผนลดกำลังการผลิตช่วงปลายปี รัฐขับเคลื่อนการลงทุน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 30 บาท คาดว่าจะเห็นกำไรเร่งตัวขึ้นใน H2/61 จากปัจจัยฤดูกาลที่ยอดขายที่ดินมักกระจุกตัวใน Q4 และคาดว่าจะได้แรงหนุนจาก EEC ที่ภาครัฐฯเร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง Sentiment เชิงบวกจาก TFFIF ที่จะเข้าลงทุนในสิทธิจัดเก็บรายได้ 45% ในทางด่วนเส้นบูรพาวิถี (ลงหน้า AMATA) ซึ่งจำนวนรถหนาแน่นต่อเนื่อง โดยยังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ที่ 1,721 ล้านบาท +22% Y-Y และปีหน้า 1,975 ล้านบาท +15 Y-Y ด้านราคาหุ้นซื้อขายใกล้มูลค่าทางบัญชี และคิดเป็น PE2562 เพียง 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 16 เท่า
  • BTS (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 10.70 บาท บริษัทมีแนวโน้มเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีหัวใจสำคัญสำหรับการเติบโตของบริษัทจะมาจากรายได้ในธุรกิจรถไฟฟ้าและสื่อโฆษณา ที่ยังคงมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต โดยเชื่อว่าราคาหุ้นจะเริ่มมีการตอบรับกับการเปิดรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ในช่วงปลายปีนี้ และการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน U City นอกจากนี้ยังประเมินส่วนเพิ่มจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่ 0.77 บาทต่อหุ้น แต่ยังไม่นำรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ นอกจากนี้เข้ามาอยู่ในประมาณการเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการเปิดประมูล
  • SVI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 6.3 บาท ได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ Q1/61 และจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องอีกใน Q3/61 และ Q4/61 จากยอดขายและมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ